ปัญหาซับไพร์ม...ผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย



* ที่มาของภาพ http://www.peachthailand.com/image/peachextention2.jpg

แม้ปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยประเภทต่ำกว่ามาตรฐาน (ซับไพร์ม) ได้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่การประเมินผลกระทบของปัญหานี้ต่อเศรษฐกิจยังคงทำได้จำกัด ทั่วโลกยังจับตาดูผลที่เกิดขึ้นจากนโยบายของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปว่า จะเป็นอย่างไรต่อไปและจะจำกัดขอบเขตการลุกลามของปัญหานี้ได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้นักลงทุนและรัฐบาลทั่วโลกจึงยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของปัญหาซับไพร์มที่มีต่อเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก

ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไทยมองปัญหาที่เกิดขึ้นจากซับไพร์มในแง่บวกมากเกินไป หากพิจาณาจากความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องที่แสดงความเห็นว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นคงมีขอบเขตจำกัดและเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมีธนาคารของไทยเพียง 4 แห่งที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสินเชื่อซับไพร์มรองรับ และมีเงินลงทุนในวงจำกัดเท่านั้น หรือคิดเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 0.1 ของเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นของทั้ง 4 ธนาคารดังกล่าว ความคิดดังกล่าวดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจตลาดการเงินเป็นหลัก แต่ยังขาดการพิจารณาผลกระทบที่จะเชื่อมโยงต่อภาคธุรกิจจริง

ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า แม้ปัญหาซับไพร์มอาจจะยังไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่ในปีหน้า ประเทศไทยอาจจะต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไม่ว่าทางการของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจะสามารถหยุดยั้งความตื่นตระหนกของนักลงทุนต่อปัญหานี้ได้หรือไม่ เนื่องจาก

ในกรณีที่ทางการสหรัฐฯและสหภาพยุโรปไม่สามารถหยุดยั้งภาวะตื่นตระหนกของนักลงทุนได้ เป็นที่แน่นอนว่าเศรษฐกิจโลกจะประสบกับภาวะถดถอยทั่วโลก เพราะนักลงทุนจะถอนเงินทุนออกจากตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ทำให้ปัญหาลุกลามและขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แต่ในกรณีที่สามารถหยุดความตื่นตระหนกได้ ถึงกระนั้นปัญหาหนี้เสีย (NPL) ในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอยู่ เพราะหากสินเชื่อซับไพร์มร้อยละ 25 เป็นหนี้เสีย จะมีมูลค่ามหาศาลคิดเป็น 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 2.36 ของรายได้ประชาชาติของสหรัฐทีเดียว ปัญหานี้จะทำให้การบริโภคและการลงทุนในสหรัฐฯชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยที่เป็นผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ดังต่อไปนี้

หนึ่ง เกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว อันเกิดจากสถาบันการเงินระงับการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง และกองทุนต่าง ๆ ถอนตัวจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อซับไพร์ม

สอง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อซับไพร์มและสินเชื่อทั้งระบบสูงขึ้น

สาม ทำให้ลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) เพิ่มขึ้น

สี่ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคตกต่ำลง

ผลกระทบจะไม่เพียงเกิดในสหรัฐเท่านั้น แต่จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วยโดยเฉพาะสหภาพ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในสหรัฐ เนื่องจากการขาดทุนหรือผลตอบแทนที่ลดลงจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อซับไพร์ม จะทำให้การบริโภคและการลงทุนในประเทศเหล่านี้ชะลอตัวลง ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้การส่งออกของไทยไปยังประเทศเหล่านี้ชะลอตัวลงด้วย

เมื่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯและประเทศอื่น ๆ ที่กล่าวมา มีปัญหาการชะลอตัว จะทำให้การส่งออกในภาพรวมมีปัญหาด้วย เนื่องจากประเทศเหล่านี้คู่ค้าสำคัญของไทยทั้งสิ้น และที่ผ่านมาประเทศเหล่านี้ยังคงขยายตัวได้ดี จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยสามารถขยายตัวได้ดีตามไปด้วย แม้ว่าไทยต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าก็ตาม

ในปีหน้าผลกระทบของปัญหาซับไพร์มจะทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงจากปีนี้ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์การส่งออกจะไม่ขยายตัวแรงเหมือนกับปีนี้ ประกอบกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศจะยังคงไม่ฟื้นตัวต่อไป เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนยังไม่ฟื้นคืนมามากนัก ด้วยเหตุที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับรัฐบาลใหม่ในอนาคตว่าจะมีเสถียรภาพหรือไม่ ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติศาสตร์ถึงร้อยละ 30 ของรายได้ประชาชาติ ซึ่งจะทำให้ประชาชนชะลอการบริโภค เพื่อชำระคืนหนี้

นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอาจยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากนักลงทุนจากต่างประเทศยังมีความกังวลต่อท่าทีของรัฐบาลไทยต่อต่างชาติในประเด็นต่าง ๆ อาทิ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการต่างด้าว ปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยา ฯลฯ และยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลกระทบของปัญหาซับไพร์มจึงอาจจะตัดสินใจถือเงินสดหรือทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงไว้มากกว่าการลงทุนโดยตรง

รัฐบาลปัจจุบันและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาทำหน้าที่ในอนาคต ควรเตรียมมาตรการรองรับปัญหานี้ โดยเน้นการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และเตรียมเครื่องมือรับความผันผวนของค่าเงิน ตลอดจนเร่งแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ มากขึ้น
* นำมาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ 5 กันยายน 2550
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2007-09-05