งานอาสาสมัคร...สร้างคนสร้างองค์กร

เมื่อพูดถึงงานอาสาสมัคร เรามักนึกถึงการดำเนินงานของกลุ่มองค์กรเอกชน เอ็นจีโอ หรือคิดถึงกิจกรรมเมื่อตอนเป็นนักศึกษาในการออกค่ายอาสาพัฒนาตามจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคมที่อยู่ตามชมรมต่าง ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราก้าวสู่วัยทำงานกลับพบว่างานสาอาสมัครเหล่านี้ช่างเป็นเรื่องไกลตัวกับสภาพการทำงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรภาคธุรกิจที่เป้าหมายหลักคือการมุ่งผลกำไรสูงสุด มิใช่เพื่อการทำประโยชน์ให้สังคม ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วหากองค์กรในภาคธุรกิจได้มีส่วนในการจัดสรรผลกำไรบางส่วนกลับคืนสู่สังคม ดังเช่น หลักการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร CRS : corporate social responsibility ที่องค์กรธุรกิจจำนวนมากเริ่มหันมาใช้แนวทางดังกล่าวควบคู่ไปในการดำเนินงานด้วยเล็งถึงประโยชน์นานาประการที่องค์กรจะได้รับกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและการได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค การได้สิทธิพิเศษทางภาษี อันนำมาซึ่งการส่งเสริมยอดขายหรือผลกำไรขององค์กรให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจ
ไม่เพียงเท่านี้ หากมองในมุมปัจเจก สิ่งที่พนักงานแต่ละคนได้รับจากการทำงานอาสาสมัครนอกจากความสุขที่ได้รับจากการทำความดีและมอบสิ่งดีให้แก่ผู้อื่นแล้ว ประโยชน์จากงานอาสาสมัครที่องค์กรจะได้รับกลับคืนมาจากพนักงานของตนนั้นพบว่าคุ้มเกินคาด
โดยจากงานวิจัยจำนวนมากพบว่าโครงการอาสาสมัครของพนักงานนั้นไม่เพียงแต่เป็นการตอบแทนสังคมเท่านั้นแต่นำมาซึ่งผลดีหลายประการกลับคืนสู่บุคลากรในหน่วยงานของตนทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพความสามารถและมีส่วนสำคัญในการช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในองค์กรให้ลดความรุนแรงลงทั้งนี้เนื่องจากงานอาสาสมัครส่งผลให้
เกิดความภาคภูมิใจในตนเองและองค์กร โดยการดำเนินงานอาสาสมัครเพื่อสังคมขององค์กรย่อมส่งผลให้ตัวพนักงานเกิดความรู้สึกดีว่าตนเองมีคุณค่า มีความสามารถในการทำสิ่งดีเพื่อผู้อื่น ทำประโยชน์ให้สังคม รวมทั้งรู้สึกภาคภูมิใจต่อองค์กรที่ตนทำงานร่วมด้วยว่าเป็นองค์กรที่ดีในการทำประโยชน์เพื่อสังคม มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค มีชื่อเสียงดีในชุมชน ทำงานด้วยแล้วเกิดความสบายใจและรู้สึกมั่นคง ส่งผลให้พนักงานเก่าต้องการทำงานร่วมกับองค์กรต่อไปนาน ๆ ช่วยลดปัญหาการลาออกกลางคันของพนักงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี

เกิดการพัฒนาทักษะด้านการทำงานเป็นทีม การให้พนักงานทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคมส่งผลให้จำเป็นต้องมีการประสานงานข้ามแผนกระหว่างกัน อันเป็นสนามฝึกสำคัญในการทำงานร่วมกันเป็นทีม รวมทั้งการพัฒนาภาวะผู้นำให้เกิดขึ้น โดยเป็นการฝึกฝนในสภาพที่ลดแรงกดดันจากสนามฝึกจริงที่ต้องเผชิญในชีวิตการทำงานทั่วไป ส่งผลให้การฝึกฝนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจากอยู่ในสภาพผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเท่าสภาพการทำงานปกติ
เกิดกระบวนการหล่อหลอมจิตอาสา การสนับสนุนให้พนักงานในองค์กรทำงานอาสาสมัครเป็นการหล่อหลอมสร้างจิตอาสา หรือจิตใจแห่งการให้และเสียสละแก่พนักงานในองค์กร เป็นการลดความเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบระหว่างกันในการทำงาน โดยพัฒนาใจแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างกันแทนที่ ส่งผลทางอ้อมต่อการทำงานในองค์กรให้เป็นไปอย่างราบรื่นทุกคนต่างร่วมไม้ร่วมมือ และมีความเต็มใจทำงานในบทบาทหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เนื่องจากมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรว่าเป็นการทำงานที่คืนกำไรให้สังคมไม่ใช่เพียงแต่ประโยชน์ส่วนตน
เกิดการลดช่องว่างระหว่างผู้บริหารและพนักงานเนื่องจากช่วงเวลาในการทำงานอาสาสมัครเป็นช่วงเวลาเสรีที่ทั้งพนักงานและผู้บริหารสามารถแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างเต็มที่ต่างจากเวลาการทำงานที่อาจมีความเคร่งเครียดมากกว่า ส่งผลให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกันมากยิ่งขึ้น เป็นการสลายพฤติกรรม ลดช่องว่างระหว่างกัน เกิดการเรียนรู้จักกันในแง่มุมต่าง ๆ ส่งผลทางอ้อมต่องานประจำที่ทำทั้งระหว่างผู้บริหารกับพนักงานรวมทั้งระหว่างพนักงานด้วยกันเองให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นลดปัญหาความขัดแย้งที่มีต่อกัน
เกิดการค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ งานอาสาสมัครเป็นงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำในสิ่งที่แปลกใหม่ ลดความซ้ำซากจำเจจากงานประจำที่ทำอยู่ ส่งผลให้พนักงานสามารถค้นพบศักยภาพ ความสามารถของตนที่ซ่อนอยู่หรือไม่เคยรู้มาก่อนผ่านการทำงานอาสาสมัครด้านต่าง ๆ รวมทั้งอาจเกิดความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ซึ่งงานอาสาสมัครสามารถนำมาใช้ในการทำงานประจำของตนหรือในการพัฒนาองค์กรด้านต่าง ๆ อย่างไม่คาดฝันผ่านงานอาสาสมัครนั้น
งานอาสาสมัครเป็นสิ่งที่องค์กรภาคธุรกิจต่าง ๆ ควรเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญ รวมทั้งส่งเสริมอย่างเต็มกำลังให้พนักงานของตนมีส่วนเข้าร่วมในงานอาสาสมัครด้านต่าง ๆอันนำมาซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน ความร่วมไม้ร่วมมือในองค์กร รวมทั้งความสุขใจที่พนักงานทุกคนต่างได้รับจากการเป็นผู้ให้ผ่านงานอาสาสมัครที่องค์กรดำเนินการ
หากท่านผู้อ่านหรือองค์กรใดสนใจอยากเข้าร่วมดำเนินงานอาสาสมัครในด้านต่าง ๆ ท่านสามารถติดต่อมาได้ที่ ldquo;โครงการกองทุนเวลาเพื่อสังคมrdquo; ได้เช่นกันครับ ที่ โทร. 02-7116459 หรือhttp://www.timebanksociety.comโดยโครงการกองทุนเวลาที่ผมได้ริเริ่มขึ้นมานี้มีแนวคิดในการสร้างผู้ประกอบการทางสังคม ผ่านข้อสมมติว่าคนทุกคนล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ความสามารถของแต่ละคนอาจสามารถช่วยผู้อื่นได้ ผ่านทางการใช้เวลาว่างในชีวิตประจำวันอยู่จำนวนหนึ่งไปช่วยเหลือสังคมเป็น ldquo;พลังเวลาrdquo; ที่มีคุณค่ามหาศาลในการรื้อฟื้นสังคมส่วนที่อ่อนแอให้กลับเข้มแข็งขึ้นมาได้ โดยกองทุนเวลานี้จะทำหน้าที่จัดสรรและกระจายกำลังคนไปทำกิจกรรมสร้างสรรค์ในสิ่งที่แต่ละคนปรารถนาเป็นการ ldquo;บริจาคเวลาrdquo; ที่ท่านมีอยู่ออกไปในการทำสิ่งดีเพื่อสังคมร่วมกันผ่าน ldquo;การทำดีได้โดยไม่ต้องใช้เงินrdquo; ครับ
admin
เผยแพร่: 
งานอัพเกรด
เมื่อ: 
2008-04-02