ควรเปิดโอกาสให้ผู้สมัคร ส.ว. หาเสียงหรือไม่
ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2549 สำนักวิจัยสวนดุสิตโพล ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ว. โดยผลสำรวจพบว่าประชาชนในกทม.ร้อยละ 42.54 และในต่างจังหวัด 45.06 ยังไม่แน่ใจว่าเลือก ส.ว.เพื่อไปทำหน้าที่อะไร เนื่องจากมีความเข้าใจว่ามีหน้าที่คล้ายกับ ส.ส. แต่ในส่วนที่รู้ว่าส.ว.ทำหน้าที่อะไรมีสัดส่วนโดยรวมเพียงร้อยละ 24.91 ขณะที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว.มีเพียงร้อยละ 53.86 ลดลงจากร้อยละ 72 เมื่อ 6 ปีก่อน
ผลการเลือกตั้งและผลสำรวจข้างต้นสะท้อนถึงความอ่อนด้อยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในด้านการประชาสัมพันธ์บทบาทหน้าที่ของ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ในด้านต่าง ๆ อาทิ การทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย การเลือก การแต่งตั้ง การแนะนำ หรือการเห็นชอบในบุคคลที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
ฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งควรจะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ ส.ว. ร่วมกับการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น เพราะหากประชาชนไม่เข้าใจว่าตนเองเลือก ส.ว. เพื่อไปทำหน้าที่ และบทบาทแทนตนเองในเรื่องใดบ้าง การตัดสินใจเลือก ส.ว. ของประชาชนย่อมเบี่ยงเบน อาจเลือกคนที่มีชื่อเสียง แต่ไม่ใช่คนดี มีความสามารถเหมาะสม หรือเลือกคนที่เป็นพวกพ้องของนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าไปทำงานย่อมส่งผลเสียต่อประเทศ
นอกจากนั้นผลสำรวจดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายต้องกลับมาทบทวนบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 91 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือบุคคลใดดำเนินการหาเสียงเลือกตั้ง เว้นแต่แนะนำตัวผู้สมัครว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากเจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวไม่ต้องการให้มีการโฆษณาหาเสียง เพราะมีสมมติฐานว่า คนที่เหมาะสมจะเป็น ส.ว. ควรเป็นคนที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักในวงกว้างของประชาชน ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโฆษณาหาเสียง เพราะผู้สมัครท่านนั้น ย่อมเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว ซึ่งขัดธรรมชาติของการเลือกตั้งที่ต้องมีการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง
นอกจากนั้น การที่คนมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก ไม่ได้รับรองว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นคนที่มีความสามารถเหมาะสมในการเข้ามาทำหน้.ว. เพราะปัจจุบันคนที่มีชื่อเสียง แต่ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เข้ามาสมัคร ส.ว.จำนวนมาก หรือบางท่านอาจมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และมีความตั้งใจในการทำงาน แต่ไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อไม่สามารถโฆษณาหาเสียงได้ ย่อมไม่สามารถนำเสนอผลงาน ความรู้ และความสามารถที่ตนเองมีได้อย่างเต็มที่ ทำให้โอกาสที่คนมีความสามารถจะได้เข้ามาทำบทบาทที่สำคัญจึงมีน้อยลง ตลอดจนการไม่ให้หาเสียงทำให้ประชาชนมีช่องทางในการรับรู้ข้อมูลของผู้สมัครอย่างจำกัดาที่ ส
ผมเห็นว่าการปฏิรูปการเมืองที่จะมาถึงควรมีการศึกษา ทบทวนว่าจะเปิดโอกาสให้ผู้สมัคร ส.ว. โฆษณาหาเสียงได้หรือไม่ เพื่อประโยชน์จะเกิดขึ้นกับประชาชนในการรับข้อมูลอย่างครบถ้วน และได้ ส.ว. ที่มีความสามารถเข้าไปทำหน้าที่อย่างดี.