ลงทุนสร้างเด็ก เรื่องด่วนที่ไม่ควรละเลย
ldquo;เป็นคนดี มีความสุขกับการเรียน และมีความภูมิใจในความเป็นไทยrdquo;
ข้อความข้างต้น คือ คุณลักษณะพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการศึกษาชาติ ซึ่งหากเด็กของเรามีลักษณะเช่นนี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต
ทว่าจากผลการสำรวจของสภาการศึกษาแห่งชาติ (สกศ.) เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เรื่อง ความรู้สึกของเด็กไทย โดยสุ่มจากเด็ก ป.6 ม.3 และ ม.6 รวม 14,400 คน ในโรงเรียนสังกัดกระทรวง โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ผลสำรวจพบว่า เด็กไทยมีความรู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยต่ำที่สุด โดยมีเด็กเพียงร้อยละ 38 เท่านั้นที่รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทย ส่วนความรู้สึกเป็นคนดี และมีความสุขกับการเรียน ซึ่งน่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูง แต่กลับเกินครึ่งอยู่ไม่มาก โดยรู้สึกถึงการเป็นคนดีร้อยละ 63 และมีความสุขกับการเรียนเพียงร้อยละ 51
แม้ว่า ผู้วิจัยไม่ได้ถามลึกถึงเหตุผลที่เด็กตอบ เนื่องจากเป็นการทดลองสำรวจเป็นครั้งแรก แต่ผลการสำรวจนี้พอจะสะท้อนให้เห็นปัญหาที่น่ากลับมาคิดและแก้ไข นั่นคือ จะทำอย่างไรให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข มีความรู้ เป็นคนดี และภูมิใจในความเป็นไทย ไม่ไหลตามกระแสนิยมต่างชาติ
การยกระดับความภูมิใจในตัวเอง การมีความสุขกับการเรียน และการเป็นคนดี ควรเริ่มต้นจากการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง ได้เลือกเรียนตามศักยภาพ ได้ทำในสิ่งที่สนใจ และมีพื้นที่ฝึกฝนและแสดงออกในความสามารถของตน ช่องว่างที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้น อาทิ
เปิดช่องทางค้นพบตนเอง ควรส่งเสริมให้เด็กรู้จักและค้นพบตนเอง โดยการตั้งเป้าว่า เด็กทุกคนจะต้องได้รับการทดสอบความถนัด จากแบบทดสอบที่มีมาตรฐาน มีเครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งบุคลากรในการแนะแนว ให้คำปรึกษาเพื่อให้เด็กรู้จักตนเองมากขึ้น โดยอาจเป็นการทดสอบในรูปแบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวกเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถทดสอบได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้รู้ถึงพัฒนาการของตน
ส่งเสริมให้เรียนตามความถนัด การทดสอบที่แม่นยำและการแนะแนวของบุคลากรหรือครูแนะแนวที่เชี่ยวชาญ จะช่วยเด็ก ๆ ได้เรียนอย่างมีเป้าหมาย รู้ว่าเมื่อโตขึ้นจะประกอบอาชีพอะไร จึงเรียนได้อย่างมีความสุข เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมาย แต่หากไปตามกระแสไม่มีจุดยืนชัดเจนว่าทำไปหรือเรียนไปเพื่ออะไร ผู้เรียนย่อมไม่มีความสุข และไม่ได้พัฒนาศักยภาพตามที่ควรจะเป็น
เปิดพื้นที่เรียนรู้และแสดงออก การจะพัฒนาเด็กในวัยเรียน ไม่ควรมุ่งความสนใจเฉพาะพัฒนาทักษะความรู้ด้าน แต่จำเป็นต้องพัฒนาเด็กอย่างสมดุล ทั้งด้านการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ และการพัฒนาจิตใจ เพื่อเด็กจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป ดังนั้น จึงควรสนับสนุนผู้เรียนมีเสรีภาพในการเรียนรู้ สอดแทรกกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวิชา ส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อผู้เรียนได้รับการพัฒนาความสามารถและค้นหาความถนัดของตนเอง มีเวทีและพื้นที่ให้เด็กได้แสดงออกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่มและทุกพื้นที่
เมื่อครั้งหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปลายปี 2551 ผมได้นำเสนอนโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชนไว้จำนวนมาก อาทิ การเปิด Teen Zone for Teen เปิดพื้นที่เพื่อให้เยาวชนแสดงศักยภาพ การพัฒนาสวนสมองคนเมือง (Brain Babk Park) ให้ทุก ๆ พื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ให้คนไทย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เด็ก ๆ เป็นคนดี ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมกองทุนเวลาเพื่อสังคม ให้เด็กใช้เวลาว่างทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
แม้ว่าความวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจจะเบียดบังปัญหาเด็กไทยให้กลายเป็นเรื่องรองไป แต่แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องด่วนที่ผู้บริหารประเทศไม่ควรละเลย เพราะหากเราไม่รีบเร่งแก้ไขตั้งแต่วันนี้ อนาคตอาจต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ร้ายแรงกว่านี้ นั่นคือ การขาดกำลังคนที่มีคุณภาพในการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปได้
ข้อความข้างต้น คือ คุณลักษณะพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการศึกษาชาติ ซึ่งหากเด็กของเรามีลักษณะเช่นนี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงประชากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต
ทว่าจากผลการสำรวจของสภาการศึกษาแห่งชาติ (สกศ.) เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา เรื่อง ความรู้สึกของเด็กไทย โดยสุ่มจากเด็ก ป.6 ม.3 และ ม.6 รวม 14,400 คน ในโรงเรียนสังกัดกระทรวง โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ผลสำรวจพบว่า เด็กไทยมีความรู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยต่ำที่สุด โดยมีเด็กเพียงร้อยละ 38 เท่านั้นที่รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทย ส่วนความรู้สึกเป็นคนดี และมีความสุขกับการเรียน ซึ่งน่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูง แต่กลับเกินครึ่งอยู่ไม่มาก โดยรู้สึกถึงการเป็นคนดีร้อยละ 63 และมีความสุขกับการเรียนเพียงร้อยละ 51
แม้ว่า ผู้วิจัยไม่ได้ถามลึกถึงเหตุผลที่เด็กตอบ เนื่องจากเป็นการทดลองสำรวจเป็นครั้งแรก แต่ผลการสำรวจนี้พอจะสะท้อนให้เห็นปัญหาที่น่ากลับมาคิดและแก้ไข นั่นคือ จะทำอย่างไรให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข มีความรู้ เป็นคนดี และภูมิใจในความเป็นไทย ไม่ไหลตามกระแสนิยมต่างชาติ
การยกระดับความภูมิใจในตัวเอง การมีความสุขกับการเรียน และการเป็นคนดี ควรเริ่มต้นจากการส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง ได้เลือกเรียนตามศักยภาพ ได้ทำในสิ่งที่สนใจ และมีพื้นที่ฝึกฝนและแสดงออกในความสามารถของตน ช่องว่างที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้น อาทิ
เปิดช่องทางค้นพบตนเอง ควรส่งเสริมให้เด็กรู้จักและค้นพบตนเอง โดยการตั้งเป้าว่า เด็กทุกคนจะต้องได้รับการทดสอบความถนัด จากแบบทดสอบที่มีมาตรฐาน มีเครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งบุคลากรในการแนะแนว ให้คำปรึกษาเพื่อให้เด็กรู้จักตนเองมากขึ้น โดยอาจเป็นการทดสอบในรูปแบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวกเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถทดสอบได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้รู้ถึงพัฒนาการของตน
ส่งเสริมให้เรียนตามความถนัด การทดสอบที่แม่นยำและการแนะแนวของบุคลากรหรือครูแนะแนวที่เชี่ยวชาญ จะช่วยเด็ก ๆ ได้เรียนอย่างมีเป้าหมาย รู้ว่าเมื่อโตขึ้นจะประกอบอาชีพอะไร จึงเรียนได้อย่างมีความสุข เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมาย แต่หากไปตามกระแสไม่มีจุดยืนชัดเจนว่าทำไปหรือเรียนไปเพื่ออะไร ผู้เรียนย่อมไม่มีความสุข และไม่ได้พัฒนาศักยภาพตามที่ควรจะเป็น
เปิดพื้นที่เรียนรู้และแสดงออก การจะพัฒนาเด็กในวัยเรียน ไม่ควรมุ่งความสนใจเฉพาะพัฒนาทักษะความรู้ด้าน แต่จำเป็นต้องพัฒนาเด็กอย่างสมดุล ทั้งด้านการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ และการพัฒนาจิตใจ เพื่อเด็กจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป ดังนั้น จึงควรสนับสนุนผู้เรียนมีเสรีภาพในการเรียนรู้ สอดแทรกกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวิชา ส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อผู้เรียนได้รับการพัฒนาความสามารถและค้นหาความถนัดของตนเอง มีเวทีและพื้นที่ให้เด็กได้แสดงออกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่มและทุกพื้นที่
เมื่อครั้งหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปลายปี 2551 ผมได้นำเสนอนโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชนไว้จำนวนมาก อาทิ การเปิด Teen Zone for Teen เปิดพื้นที่เพื่อให้เยาวชนแสดงศักยภาพ การพัฒนาสวนสมองคนเมือง (Brain Babk Park) ให้ทุก ๆ พื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ให้คนไทย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เด็ก ๆ เป็นคนดี ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมกองทุนเวลาเพื่อสังคม ให้เด็กใช้เวลาว่างทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
แม้ว่าความวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจจะเบียดบังปัญหาเด็กไทยให้กลายเป็นเรื่องรองไป แต่แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องด่วนที่ผู้บริหารประเทศไม่ควรละเลย เพราะหากเราไม่รีบเร่งแก้ไขตั้งแต่วันนี้ อนาคตอาจต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ร้ายแรงกว่านี้ นั่นคือ การขาดกำลังคนที่มีคุณภาพในการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปได้
Tags:
เผยแพร่:
0
เมื่อ:
2009-05-01