สมาร์ทการ์ด 3 จังหวัดใต้
หลังจากเหตุการณ์การฆ่า 2 นาวิกโยธินที่หมู่บ้านตันหยงลิมอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศการบังคับใช้โครงการบัตรสมาร์ทการ์ด 1.3 ล้านใบ กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะให้เลือกถือเพียงสัญชาติเดียวเท่านั้น นายกฯทักษิณยังย้ำผ่านรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2548 ว่า ldquo;ถ้าใครไม่อยากเป็นคนไทยก็ให้บอกมา ทุกคนต้องเลือกเพียงสัญชาติเดียวเท่านั้นrdquo;
เมื่อวิเคราะห์ด้วยใจเป็นธรรมพบว่าการใช้สมาร์ทการ์ด 3 จังหวัดชายแดนตอนนี้ไม่เหมาะ เป็นการส่งสัญญาณที่ผิด อาจจะยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกและความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้น
ประการแรก เกิดการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากรัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไรว่าจะไม่นำข้อมูลในบัตรสมาร์ทการ์ดไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม หรือล่วงล้ำสิทธิและเสรีภาพ เพราะสมาร์ทการ์ดเป็นปัญหาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ 1 ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของข้อมูล หากมีการนำข้อมูลบุคคลไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ หรือปัญหาความเป็นส่วนตัว และปัญหานานาประการที่ยังไม่มีข้อยุติ ทำให้นโยบายนี้ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้การใช้บัตรสมาร์ทการ์ดอาจทำให้ประชาชนเกิดคำถามว่าเหตุใดต้องเริ่มทำที่ 3 จังหวัดภาคใต้ก่อน รัฐบาลต้องการจะล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนใน 3 จังหวัดภาคใต้หรือ ซึ่งประเด็นนี้อาจถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ทำให้ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจต่อรัฐมากยิ่งขึ้น
ประการที่สอง เกิดปัญหาจากการเลือกสัญชาติของประชาชน เหตุผลที่รัฐบาลต้องการใช้สมาร์ทการ์ดนั้นก็เพื่อเป็นเครื่องมือเพื่อแก้ปัญหาคนถือสองสัญชาติ โดยให้ประชาชนในพื้นที่เลือกว่าจะใช้สัญชาติอะไร ระหว่าง สัญชาติมาเลเซีย หรือสัญชาติไทย เพื่อบันทึกลงในบัตรสมาร์ทการ์ดนั้น แต่การบังคับของรัฐบาลอาจยิ่งสร้างปัญหาตามมามากขึ้น เพราะ หากประชาชนในพื้นที่เลือกที่จะใช้สัญชาติมาเลเซีย รัฐบาลจะทำอย่างไรกับประชาชนในพื้นที่ เขาสามารถจะอยู่ที่ประเทศไทยต่อไปได้หรือไม่ มีมาตรการใดรองรับหรือได้ประสานงานกับประเทศมาเลเซียเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างไร จะส่งคนเหล่านี้ไปประเทศมาเลเซียอย่างนั้นหรือ จะเป็นการผลักใสคนไทยด้วยกันหรือไม่ ldquo;หรือในอีกทางหนึ่ง หากประชาชนในพื้นที่เลือกสัญชาติไทย รัฐบาลจะมีมาตรการรองรับประชาชนอย่างไร ในด้านอาชีพการทำงาน เพราะการที่ประชาชนได้ถือ 2 สัญชาตินั้น เนื่องจากต้องการไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียซึ่งมีงานรองรับ ในประเทศไทยจะไม่รับผู้ที่เรียนจบมาจากโรงเรียนสอนศาสนาอย่างเดียวเข้าทำงาน ประชาชนจึงจำเป็นต้องถือสัญชาติมาเลเซียเพื่อเข้าทำงานในประเทศมาเลเซีย อันนี้รัฐบาลมีมาตรการอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจบ้าง
การที่รัฐบาลจะนำมาใช้ในเวลานี้ต้องคิดอย่างรอบคอบ รัฐบาลไม่ควรปฏิบัติกับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในลักษณะที่แตกต่างจากชาวไทยคนอื่น ไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่าทำไมคนไทยด้วยกันไม่ไว้วางใจกัน ยิ่งในเวลานี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการใดรองรับหากเกิดปัญหาตามมาดังกล่าวข้างต้น ยิ่งเป็นเรื่องน่ากลัวว่าปัญหาและความขัดแย้งอาจลุกลามและแก้ไขได้ยากมากขึ้น