ตั้งศูนย์ไทยคดีศึกษา ที่ฮาร์วาร์ด
ผมมีความตั้งใจมาตั้งแต่เด็กว่า อยากจะเป็นกลไกหนึ่งที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนเพื่อสังคมไทย อยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทย ตลอดชั่วชีวิตของผมจึงพยายามเสนอแนวคิด แนวทางเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ในสังคมและนำประเทศไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
เมื่อผมได้มีโอกาสไปเป็นนักวิชาการที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผมได้พบกับผู้คนที่มีความสนใจที่หลากหลาย ทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และได้ใช้จังหวะนี้จุดประกายความคิดกับอาจารย์บางท่านที่ฮาร์วาร์ดให้มีส่วนช่วยเหลือประเทศไทย
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นอีกมหาวิทยาลัยหนึ่งที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับประเทศในแถบเอเชีย โดยได้จัดตั้งศูนย์ศึกษาเฉพาะทางคือ ศูนย์เอเชีย แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University Asia Center) และมีจัดการเรียนการสอนภาษาไทยบ้าง แต่ยังไม่มีการศึกษาลงลึกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
ผมมีความคิดตลอดมาว่า น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็น ldquo;ศูนย์ไทยคดีศึกษาrdquo; (Center of Thai Studies) เกิดขึ้นที่ฮาร์วาร์ดในอนาคต เราอาจเริ่มต้นให้เกิดขึ้นโดยจะเชิญนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องไทยคดีมาบรรยายและร่วมสัมมนาที่นี่ ที่สำคัญคือ เพื่อจัดการเรียนการสอนและการวิจัยเรื่องประเทศไทย จากมุมมองวิชาการที่เป็นอิสระ สะท้อนความคิดจากคนข้างนอกที่มองเข้ามาประเทศไทย อันจะช่วยให้เรามีแหล่งแลกเปลี่ยนแนวคิดวิชาการระหว่าง นักวิชาการนอกประเทศ กับนักวิชาการในประเทศ
ผมนำเสนอแนวคิดนี้แก่ ศาสตราจารย์ไมเคิลเฮอร์ซเฟลด์ (Prof. Michael Herzfeld) อาจารย์ประจำภาควิชามานุษยวิทยา ท่านเป็นคนหนึ่งที่สนใจประเทศไทยอย่างมาก เคยมาทำวิจัยที่ประเทศไทยบ่อยครั้ง สามารถพูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้คล่อง หลังจากที่ผมได้พูดคุย ท่านให้ความสนใจและยินดีร่วมมือในการช่วยผลักดันให้เกิด ldquo;ศูนย์ไทยคดีศึกษาrdquo; เกิดขึ้นให้ได้
หลังจากนั้น ท่านได้พูดคุยกับศาสตราจารย์โทนี่ เซช (Prof. Tony Saich) ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งแนะนำ ศาสตราจารย์ เจย์โรเซนการ์ด (Prof. Jay Rosengard) อาจารย์ประจำวิชา Public Finance ของ Kennedy School of Government (KSG) ซึ่งเป็นอีกท่านหนึ่งที่สนใจแนวคิดของผม เพราะท่านมีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเพราะได้รับเชิญจากหน่วยงานราชการไทยอยู่บ่อยครั้ง เพื่อมาให้คำปรึกษาและแนะนำการทำงาน
ขณะเดียวกันผมคิดว่า ศูนย์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากขึ้น หากเราสามารถสร้างความร่วมมือกับบรรดาศิษย์เก่าฮาร์วาร์ดในประเทศไทย ผมจึงได้เสนอให้เชิญ ดร.สารสิน วีระผล นายกสมาคมนักเรียนเก่าฮาร์วาร์ดแห่งประเทศไทย และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ มาร่วมเป็นกรรมการด้วย ซึ่งท่านให้ความสนใจมาก และท่านจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยให้งานนี้สำเร็จ
ในเวลาต่อมา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แต่งตั้งพวกเราเป็นคณะกรรมการศูนย์เอเชียเพื่อไทยศึกษา (The Asia Center Committee on Thai Programs) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดโดยมีศาสตราจารย์เจย์ โรเซนการ์ด เป็นประธานกรรมการ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เรามีการประชุมกรรมการ 4 ท่านร่วมกัน ประเด็นสำคัญคือ ร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ฮาร์วาร์ดสนใจศึกษาประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ๆ และมีความสำคัญน้อยกว่าประเทศใหญ่ ๆ อีกหลายประเทศ
การพบปะในวันนั้นเรา 4 คนเห็นพ้องกันว่า ศูนย์นี้จะเกิดขึ้นจริงได้นั้น จำเป็นต้องหาวิธีระดมทุน จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อสนับสนุนให้มีตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษ (Visiting Professor) ด้านไทยคดีศึกษา ที่ฮาร์วาร์ด เพื่อดึงดูดให้ศาสตราจารย์จากทั่วโลกที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยมาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด ตำแหน่งนี้มีวาระประมาณ 2 ปี และจะเวียนตำแหน่งนี้ให้กับศาสตราจารย์ท่านอื่นไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ อาจเป็นศาสตราจารย์ด้านใดก็ได้ เช่น ด้านมานุษยวิทยา จะอยู่คณะมานุษยวิทยา ด้านเศรษฐศาสตร์ จะอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ส่วน ด้านการเมือง นโยบายสาธารณะ จะอยู่ที่ Kennedy School of Government (KSG) เป็นต้น
ตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษไทยคดีศึกษานี้ จะเป็นการจุดประกายให้เกิดความตื่นตัว ในการเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศไทยในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่ฮาร์วาร์ด ในระยะยาวจะพัฒนาไปสู่การมอบตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำด้านไทยคดีศึกษาที่ไม่กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งต่อไป และนำไปสู่การก่อตั้งศูนย์ไทยคดีศึกษาในอนาคตราว 10 ปี
การเกิดขึ้นของศูนย์ไทยศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จะเป็นช่องทางในการพัฒนาความเข้มแข็งทางวิชาการ และประสานความร่วมมือกันระหว่างนักวิชาการไทยและนักวิชาการจากทั่วโลกที่สนใจศึกษาเรื่องเมืองไทย ที่สำคัญ งานวิจัยเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากศูนย์ศึกษาแห่งนี้ ย่อมสะท้อนกลับมายังประเทศไทย อันจะก่อคุณูปการแก่ประเทศไทยอย่างแน่นอน
Tags:
เผยแพร่:
สยามรัฐรายวัน
เมื่อ:
2007-10-08