The Constitutional Drafting Show
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดว่า เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติ (referendum) ซึ่งถือเป็นการแสดงอำนาจอธิปไตยโดยตรงของประชาชนว่า ldquo;เห็นด้วยrdquo; หรือ ldquo;ไม่เห็นด้วยrdquo; กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
จากผลสำรวจของเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน กทม. เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 64.1 ไม่ทราบความหมายของรัฐธรรมนูญ ผลโพลล์ชี้ให้เห็นว่า แม้แต่คนในเมืองที่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารโดยง่าย ยังไม่ทราบความหมายและเนื้อหาต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญ ในทำนองเดียวกัน โพลล์ของการสำรวจประชาชนทั่วประเทศในเรื่องเดียวกัน ร้อยละ 50.6 ไม่ทราบความหมายของรัฐธรรมนูญ สะท้อนว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ldquo;กฎหมายสูงสุดrdquo; ในการปกครองประเทศ
หากเป็นเช่นนี้ การลงประชามติของประชาชน ด้วยงบประมาณแผ่นดินประมาณ 2,000 ล้านบาท ย่อมไม่ต่างอะไรกับ ldquo;การเสี่ยงทายrdquo; หรือการเล่นพนัน โดยตัดสินเพียงดูว่าประชาชนจะรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น ดังนั้น เราจะสามารถพูดได้อย่างเต็มปากหรือว่า ldquo;รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชนrdquo; เพราะส่วนใหญ่ตัดสินใจโดยไม่มีความเข้าใจในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญเลย
การออกเสียงลงประชามติโดยประชาชนยังขาดความเข้าใจในรัฐธรรมนูญ เพราะขาดการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ในการให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างกว้างขวางเพียงพอ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงน่าจะถึงเวลายกเครื่องกระบวนการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญให้กับประชาชนเสียใหม่
การยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรปิดห้องและรู้เห็นกันเฉพาะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน เท่านั้น แต่ควรจะเปิดกว้างให้ประชาชนรับรู้และทราบเจตนารมณ์ในหมวดและมาตราต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญซึ่งสะท้อนให้เห็นหลักของความโปร่งใส อีกทั้งเป็นการป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับการเขียนรัฐธรรมนูญในเชิงปกปิดซ่อนเร้นเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงของผู้ยกร่างหรือผู้มีอำนาจบางฝ่ายในอนาคต
ในระยะเวลาอันสั้นนี้ ควรสร้างกระแสให้เกิดปรากฏการณ์ ldquo;รัฐธรรมนูญฟีเวอร์rdquo; ทำให้ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องต่าง ๆ เป็นที่โจษขานและวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วเมือง
แนวทางหนึ่งที่สามารถทำได้ นั่นคือ การถ่ายทอดสดการประชุมเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญ แบบรายการเรียลิตี้โชว์ (Reality Show) โดยอาจเรียกว่า ldquo;The Constitutional Drafting Showrdquo; เสมือนรายการ Academy Fantasia ที่ถ่ายทอดสดการประชุมทุกครั้งผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่ง และมีการสรุปเนื้อหาของการประชุมทุกวันอย่างน้อย 30 - 60 นาที ในช่วงสามถึงสี่ทุ่ม เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และติดตามความก้าวหน้าของการร่างรัฐธรรมนูญด้วยความรู้และความเข้าใจในวงกว้างอย่างต่อเนื่องได้อย่างสะดวก
ไม่เพียงเท่านั้น รายการ ldquo;The Constitutional Drafting Showrdquo; ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็น สอบถาม หรือเสนอแนะ เกี่ยวกับเนื้อหาต่าง ๆ ของรัฐธรรมนูญ ผ่านการส่งข้อความหรือ SMS มายังรายการโดยให้ปรากฏที่หน้าจอโทรทัศน์ อันเสมือนช่องทางที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างประชาชนและผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ อันจะเอื้อประโยชน์ต่อกระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่มีความรวดเร็วและโดยตรงไปยัง คณะกรรมาธิการยกร่างฯ
ขณะเดียวกัน อาจเชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน อดีตผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ฯลฯ มาวิพากษ์วิจารณ์ ให้ข้อเสนอแนะ ตั้งคำถาม ต่อคณะอนุกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญกรอบต่าง ๆ (ดังรายการ Academy Fantasia ที่เชิญผู้รู้ด้านดนตรีมาวิจารณ์และให้คำแนะนำแก่นักร้องในการประกวดร้องเพลงในแต่ละสัปดาห์) เพื่อสามารถนำความคิดเห็น ข้อคิดต่าง ๆ จากบุคคลเหล่านี้ ไปแลกเปลี่ยน ปรับปรุง แก้ไขในมาตราต่าง ๆ ของรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ สำหรับภาคประชาชน ควรส่งเสริมให้มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มแฟนคลับในประเด็นต่าง ๆ ของรัฐธรรมนูญ เช่น แฟนคลับที่ส่งเสริมในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน, แฟนคลับที่ส่งเสริมการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ฯลฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้สาระสำคัญต่าง ๆ ปรากฏในรัฐธรรมนูญ และเป็นการให้กำลังใจแก่อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดต่าง ๆ เป็นต้น
หากเราต้องการเห็นประชาชนไปออกเสียงประชามติ ที่ไม่ใช่ไปออกเสียงแบบเสี่ยงทายว่าจะออก ldquo;หัวrdquo; หรือ ldquo;ก้อยrdquo; หรือถูกระดมปลุกปั่นจากฝ่ายการเมือง จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ ldquo;รัฐrdquo; จะต้องจัดให้มีนวัตกรรมใหม่ในการสื่อสารและสร้างกระแสให้ประชาชนสนใจและมีส่วนร่วมดังเช่นการถ่ายทอดสด ldquo;การยกร่างรัฐธรรมนูญrdquo; ldquo;The Constitutional Drafting Showrdquo; เพื่อประชาชนจะเกิดความรู้ในการปฏิรูปการเมือง และความเข้าใจเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในหมวดและมาตราต่าง ๆ รวมถึงการมองเห็นภาพรวมของการปฏิรูปการเมือง รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ใช่มองรัฐธรรมนูญเป็นจุด ๆ แล้วตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จะทำให้การไปออกเสียงประชามติมีคุณภาพและอ้างได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนหรือไม่ใช่ของประชาชนได้อย่างแท้จริง