แก้เงินบาทแข็ง แก้ที่ความคาดหวัง

.ดร.เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์
กรรมการบริหาร และรองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ และ
นักวิชาการอาวุโส (Senior Fellow) สังกัด Mossavar-Rahmani Center for Business andGovernment
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่ผ่านมาได้มีข้อเสนอออกมาเป็นจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็ง และล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนด 6 มาตรการ โดยเน้นไปที่การลดอุปสงค์ต่อเงินบาทควบคู่ไปกับการเพิ่มอุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศ

มาตรการทั้ง 6 ข้อที่ออกมานั้น ผมคิดว่าเป็นมาตรการที่สามารถช่วยชะลอความต้องการเงินบาทได้บ้าง แต่อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการแก้ปัญหานี้ เพราะเงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากสองปัจจัย คือ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และการเกินดุลบัญชีทุนซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเข้ามาเก็งกำไร อันมีปริมาณเงินไหลเข้าออกเร็วและคาดการณ์ได้ยาก แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินของนักลงทุนต่างประเทศ

สาเหตุสำคัญของการเข้ามาถือเงินบาท คือ การที่นักลงทุนคาดหวังว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทำให้มีความต้องการซื้อเงินบาทมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงความคาดหวังดังกล่าว ภาครัฐจำเป็นต้องส่งสัญญาณอย่างชัดเจนหรือกำหนดนโยบายที่มีน้ำหนักมากพอจะทำให้นักลงทุนเชื่อว่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ซึ่งผมเห็นว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐควรประกาศออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของตลาด ได้แก่

เร่งการลงทุนภาครัฐ
โดยเฉพาะการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ และการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เงินลงทุนภาครัฐยังมีปริมาณมากพอที่จะทำให้ค่าเงินอ่อนลงได้ และเงินลงทุนในเมกะโปรเจกต์ยังมีสัดส่วนการนำเข้าถึงร้อยละ 30-40 จึงมีน้ำหนักมากพอจะทำให้นักเก็งกำไรเชื่อว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง แต่ข้อพึงระวังคือ หากเงินลงทุนเป็นเงินกู้จากต่างประเทศอาจจะกดดันให้ค่าเงินบาทยิ่งแข็งค่าขึ้น ดังนั้นควรพิจารณาแหล่งเงินทุนในประเทศที่มีต้นทุนต่ำด้วย

เร่งชำระหนี้ภาครัฐ ทั้งหนี้ของรัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจ มาตรการนี้มีความเป็นไปได้สูงและมีประสิทธิผลในการทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ เพราะมียอดหนี้จำนวนมากพอเมื่อเทียบกับเงินทุนที่ไหลเข้า ทั้งนี้หนี้ต่างประเทศทั้งหมดของภาครัฐมีจำนวนมากถึง 7,784 ล้านดอลลาร์ โดยหนี้รัฐบาลมีจำนวน 1,686 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจมีจำนวน 6,098 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การคืนหนี้ก่อนกำหนดควรมีการคำนวณความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ เพราะโดยปกติแล้ว การคืนหนี้ก่อนกำหนดควรจะกู้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเพื่อใช้หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เพื่อลดภาระดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยในประเทศสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เราไปกู้เงินมา (โดยปกติ เงินกู้ต่างประเทศของภาครัฐมักจะมีดอกเบี้ยต่ำมาก) อาจทำให้มีภาระการชำระหนี้มากขึ้นในอนาคต ดังนั้นการพิจารณาว่าควรคืนหนี้ก่อนกำหนดหรือไม่ กำไรจากค่าเงินบาทจะต้องมากกว่าภาระดอกเบี้ยที่อาจจะเพิ่มขึ้น

กำหนดหลักเกณฑ์ (
rule) ในการดูแลค่าเงิน ผมไม่ใคร่เห็นด้วยนักกับการดูแลค่าเงินบาท โดยยอมผ่อนปรนให้เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation targeting) เพราะจะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อถือต่อนโยบายของรัฐบาลและ ธปท. ผมเห็นว่า ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเข้าไปดูแลหรือแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และเปิดช่องและเตรียมการให้รัฐบาลและ ธปท.สามารถใช้มาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับเบาที่สุดไปจนถึงแรงที่สุดได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การกำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้มาตรการแต่ละประเภทและแต่ละระดับความรุนแรงเพื่อดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน จะทำให้ตลาดคาดการณ์ (anticipation) ทิศทางค่าเงินได้ตามที่ภาครัฐต้องการ โดยที่ยังไม่ต้องดำเนินมาตรการใด ๆ เช่น หากตลาดทราบว่า ธปท.จะแทรกแซงค่าเงิน ณ ความผันผวนของค่าเงินระดับใด ตลาดจะปรับตัวไปเองโดยที่ ธปท.ยังไม่ต้องแทรกแซง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนโยบายของภาครัฐและจะช่วยป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินได้ในระดับหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม การใช้มาตรการที่ตลาดไม่ได้คาดการณ์มาก่อน อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก และเกิดการไหลเข้าออกของเงินทุนอย่างรวดเร็วจนเกินไป รวมทั้งอาจทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ผมจึงเห็นว่าไม่ควรลดดอกเบี้ยลงแรงเกินไปจนตลาดเกิดความตื่นตระหนก แต่เห็นด้วยกับทิศทางการลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศลง เพื่อให้มาตรการต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้นมีประสิทธิภาพและมีความเป็นไปได้มากขึ้น

การส่งสัญญาณค่าเงินบาทที่แท้จริง
ปัจจุบันค่าเงินบาทที่ตลาดให้ความสำคัญและยึดเป็นดัชนีหลักในการตัดสินใจ คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีที่ไม่สะท้อนสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แท้จริง เพราะเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาก การยึดค่าเงินบาทเปรียบเทียบกับดอลลาร์จึงดูอ่อนค่ามากเกินจริง ส่งผลกระทบทางจิตวิทยามากเกินไป

ธปท.ควรพยายามส่งสัญญาณค่าเงินบาทที่ถูกต้องให้แก่ตลาด โดยให้ความสำคัญและประกาศอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (Real Effective Exchaneg Rate :REER) ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนแสดงการเปรียบเทียบกับค่าเงินที่แท้จริงของประเทศคู่ค้าและคู่แข่งสำคัญอื่น ๆ และเปรียบเทียบค่าเงินข้ามเวลาด้วย เพื่อทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังที่ถูกต้องเกี่ยวกับทิศทางของค่าเงิน

นอกจากนี้ ในระยะสั้น ภาครัฐควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ และช่วยเกษตรกรและคนว่างงานให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และหางานใหม่ได้ ส่วนมาตรการระยะยาว ภาครัฐควรสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ปรับโครงสร้างตลาดการส่งออก ตลอดจนยกระดับฝีมือแรงงานทั้งประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดผลกระทบและความเสี่ยงจากผันผวนของค่าเงินในอนาคต

admin
เผยแพร่: 
หนังสือพิมพ์สยามนิวส์
เมื่อ: 
2007-08-16