ร่าง พ.ร.บ.บัตรประชาชนใหม่ คิดรอบคอบ?

เรื่องหนึ่งที่น่าติดตาม เพราะเกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ นั่นคือ เรื่องการเสนอร่าง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา

หากจำกันได้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เคยได้รับการอนุมัติในหลักการ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2548 การแก้ไขเป็นไปเพื่อรองรับการจัดทำบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ (smart card) หลังจากนั้น ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ถูกส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนจะกลับเข้าสู่ ครม. อีกครั้งในสมัยรัฐบาลชุดนี้

แม้ว่า กฎหมายนี้จะมีข้อดีหลายประการ อาทิ ยกเลิกเงื่อนไขการขอมีบัตรประชาชนต้องมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อันจะช่วยแก้ปัญหาผู้ที่มีสัญชาติไทยแต่ไม่มีทะเบียนบ้านได้ และการกำหนดให้เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปทำบัตรประชาชน จากเดิมประชาชนต้องทำบัตรประชาชนเมื่ออายุครบ 15 ปี จะช่วยจัดระบบทะเบียนราษฎรได้ตั้งแต่ประชาชนยังเป็นเด็ก และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้บริการสาธารณะอื่น ๆ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรคำนึงถึงและควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่ร่าง พ.ร.บ.นี้จะนำออกมาใช้ อันได้แก่

ความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ต่อไปเมื่อพัฒนาบัตรประชาชนเป็นบัตรสมาร์ตการ์ด ย่อมทำให้สามารถบรรจุข้อมูลส่วนบุคคลในบัตรได้จำนวนมาก คำถามที่ตามมาคือ ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในบัตรแต่ละใบจะไม่ถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม กฎหมายจะสามารถควบคุมขอบเขตของเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลในฐานทะเบียนกลางได้หรือไม่ เพราะหากมีการเข้าถึงและนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมเท่ากับว่าประชาชนไทย 60 ล้านคนย่อมมีความเสี่ยงในการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเป็นช่องทางให้ได้รับผลร้าย อาทิ ในกรณีของผู้ไม่หวังดี หากสามารถค้นประวัติที่เชื่อมโยงถึงการรักษาพยาบาล อาจมีการนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว การแพ้ยาของเจ้าของข้อมูลมาสั่งซื้อยาที่แพ้ ย่อมส่งผลถึงชีวิตของเจ้าของข้อมูลได้
ดังนั้น ในเรื่องนี้ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่า ข้อมูลของประชาชนแต่ละคนจะได้รับการปกป้องไม่ถูกละเมิด และเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นเท่านั้น

ค่าธรรมเนียมใหม่แพงเกินไปหรือไม่? จาก
20 บาท เป็น 500 บาท หากพิจารณาอัตราค่าธรรมเนียม พบว่า เป็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยในร่าง พ.ร.บ.ใหม่นี้กำหนดว่า อัตราค่าธรรมเนียมออกบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรใหม่ ต้องเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท จากปัจจุบันกำหนดไว้เพียง 20 บาท ซึ่งในความเป็นจริง ค่าธรรมเนียมในอัตรานี้ จะทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถรับภาระได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย คนยากจน คนด้อยโอกาสในประเทศ รวมทั้งผู้ปกครองของเด็ก ๆ ที่กฎหมายกำหนดว่าต้องมีบัตรประชาชนแม้ว่าบัตรแต่ละใบจะมีอายุ 10 ปีก็ตาม นอกจากนี้ ในกรณีบัตรหาย ต้องทำบัตรใหม่ ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท และยังต้องเสียการออกใบแทนใบรับอีกฉบับละ 100 บาท เท่ากับการทำบัตรประชาชนตาม พ.ร.บ.ใหม่นี้ ประชาชนแต่ละคนต้องเสียเงินไม่ต่ำกว่า 500 ndash; 600 บาททีเดียว

ค่าธรรมเนียมในการทำบัตรประชาชน ควรเป็นส่วนหนึ่งในสวัสดิการที่รัฐให้กับประชาชน ประชาชนควรเสียค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย มิใช่เสียมากจนกลายเป็นภาระ

การแก้ไข ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ทันสมัย ให้เกิดความเท่าเทียมกัน เป็นเรื่องที่จำเป็นและเหมาะสม แต่ขณะเดียวกันต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะตามมา เพราะประชาชนสัญชาติไทยที่ต้องทำบัตรประชาชน 60 ล้านคนคือผู้ที่จะต้องได้รับผลที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
admin
เผยแพร่: 
สยามรัฐรายวัน
เมื่อ: 
2007-09-07