การเปิดประชาคมอาเซียนเกี่ยวข้องกับคนกทม.อย่างไร? : ข้อเสนอเพื่อการปรับตัว (3)
แหล่งที่มาของภาพ : http://static.guim.co.uk/sys-images/Guardian/Pix/pictures/2011/7/19/1311076136359/shake-hands-007.jpg
จากผลกระทบและโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่จะเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2558 ที่ผมได้อธิบายไปในบทความก่อนหน้านี้ คน กทม.มีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่คน กทม.ควรเตรียมความพร้อมมีดังต่อไปนี้
1) ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน
การที่ประชาชนและผู้ประกอบการขาดความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนอาจทำให้เสียโอกาสหรือพลาดโอกาสในการได้รับประโยชน์ และทำให้ไม่ตระหนักถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้อาจได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเปิดเสรีและไม่สามารถปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบได้ทันเวลา
ด้วยเหตุนี้คนกรุงเทพฯ ทั้งผู้ประกอบการ แรงงานวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งผู้ที่อาศัยในกทม.ควรเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากประชาคมอาเซียน เช่น กฎระเบียบและกระบวนการในการขอรับสิทธิประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กฎเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า (Rule of origin) หลักเกณฑ์ในการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
2) เรียนรู้จักเพื่อนบ้าน
ปัญหาหลักของคน กทม. คือ การไม่รู้จักประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแตกต่างจากคนต่างจังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดนที่มีวัฒนธรรมและภาษาที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนระบบการศึกษาของไทยก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมากนัก เนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่สร้างความเป็นชาตินิยมและก่อให้เกิดทัศนคติที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน
ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมอาเซียน คน กทม.ควรให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยการให้ความสนใจ ค้นหา และเปิดรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเดินทางไปท่องเที่ยวและปฏิสัมพันธ์กับคนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น
นอกจากนี้การเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวมุสลิมซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลามยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากประชาชนจำนวนมากในอาเซียนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีหลักคำสอนและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยและใน กทม. อาทิ หลักคำสอนและวัฒนธรรมการบริโภค วิถีชีวิต ค่านิยม ทัศนคติ วัฒนธรรมการประกอบธุรกิจ หลักคำสอนที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน เป็นต้น ความไม่รู้ ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับวัฒนธรรมที่แตกต่างอาจปิดกั้นโอกาสของเราในการขยายตลาดหรือการดำเนินธุรกิจกับประชาชนในประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม หรืออาจก่อให้เกิดการไม่ยอมรับหรือปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาได้
3) ฝึกฝนภาษาต่างประเทศ
อุปสรรคสำคัญของคน กทม.ในการรับมือกับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน คือการขาดทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ภาษาอังกฤษถูกกำหนดให้เป็นภาษากลางของอาเซียน แต่ดูเหมือนว่าบุคลากรระดับสูงใน กทม.มีทักษะด้านภาษาอังกฤษด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีผลการสำรวจหลายแห่งชี้ให้เห็นปัญหานี้อย่างชัดเจน
นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาจีนกลางน่าจะเป็นอีกภาษาหนึ่งที่มีความสำคัญในการติดต่อทางธุรกิจภายในอาเซียน เนื่องจากคนเชื้อสายจีนเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซียมีคนเชื้อสายจีนร้อยละ 26 ของประชากรทั้งหมด แต่เป็นเจ้าของกิจการในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ารวมกันถึงร้อยละ 39 เช่นเดียวกับคนเชื้อสายจีนในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีเพียงร้อยละ 3 และร้อยละ 1 ตามลำดับ แต่ควบคุมเศรษฐกิจภาคเอกชนถึงร้อยละ 70 และร้อยละ 60 ตามลำดับ นอกจากนี้ข้อมูลการจัดอันดับคนรวยของฟอร์บส์ในปี 2554 ยืนยันว่า คนรวยที่สุด 10 อันดับแรกของไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นคนเชื้อสายจีนถึง 8 คน
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ คน กทม.จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษและให้ความสนใจเรียนรู้ภาษาของประเทศเพื่อนบ้านและภาษาจีนมากขึ้น
4) พัฒนาความรู้และทักษะในวิชาชีพ
กทม.มีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานและเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน เนื่องจากภาคการผลิตขั้นต้นและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นของไทยมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันจากนโยบายขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน และการเปิดเสรีการลงทุนของประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าไทยมาก จะทำให้แรงงานไร้ฝีมือในประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะว่างงาน ตลอดจนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศจะถูกผลักไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความต้องการแรงงานให้มีทักษะสูงขึ้นและมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น ส่วนแรงงานระดับกลาง-สูงของไทยมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการระบบการศึกษาที่เน้นการผลิตผู้จบการศึกษาในเชิงปริมาณแต่ขาดคุณภาพ
ในภาพรวมประเทศ เราจำเป็นต้องปฏิรูปคุณภาพการศึกษาไทยทั้งระบบ ในภาพระดับย่อยลงมา สถานประกอบการและองค์กรวิชาชีพต่างๆ ควรร่วมมือกันผลักดันมาตรฐานวิชาชีพและให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมและพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรในวิชาชีพต่างๆ รวมทั้งการจัดการทดสอบและแข่งขันเกี่ยวกับความรู้และทักษะในวิชาชีพ ส่วนในระดับบุคคลควรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในงานที่ตัวเองทำและความรู้รอบตัวอื่นๆ เป็นต้น
5) พัฒนาความสามารถในการประกอบธุรกิจข้ามวัฒนธรรม
สำหรับผู้ประกอบการ ประชาคมอาเซียนเป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคาม การเตรียมความพร้อมสำหรับเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องแสวงหาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนภายในอาเซียน มาตรฐานด้านสินค้าและบริการที่จะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกันทั้งภูมิภาค หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดจ้างบุคลากรต่างชาติ ตลอดจนการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับบริบทการแข่งขันและพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศที่เป็นเป้าหมายของการส่งออกและการลงทุน
ผู้ประกอบการยังจำเป็นต้องปรับปรุงการบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้องค์กรมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันและการประกอบธุรกิจข้ามวัฒนธรรมและการปฏิบัติงานในภาวะที่มีพนักงานมาจากหลายเชื้อชาติ สถานประกอบการที่ต้องการประกอบธุรกิจข้ามประเทศหรือย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศอาจมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนภาษาในการสื่อสารภายในองค์กรเป็นภาษาอังกฤษ และต้องแสวงหาคนท้องถิ่นมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและจ้างคนท้องถิ่นเป็นพนักงาน เพื่อประโยชน์ในการทำการค้าและให้บริการแก่คนในประเทศนั้น
อย่างไรก็ดี ความพร้อมของกรุงเทพมหานครนั้นยังขึ้นอยู่กับผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหาร กทม. และหน่วยงานทีเกี่ยวข้องด้วย ประชาชน กทม.มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวมตัวอย่างเข้มแข็งเพื่อนำเสนอและเรียกร้องเกี่ยวกับการกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางการพัฒนา กทม. ตลอดจนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหาร กทม. นักการเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนา กทม.มีทิศทางและมีความพร้อมสำหรับโอกาสที่กำลังจะมาพร้อมกับการเปิดประชาคมอาเซียน
ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์
kriengsak@kriengsak.com, http://www.kriengsak.com