ข้อเสนอการแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
จากบทความครั้งก่อนๆ ผมได้กล่าวถึงผลการวิจัย เรื่อง ?บทบาทของรัฐมนตรี ในการลดการคอร์รัปชันภายในกระทรวง : กรณีศึกษา กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ? ซึ่งผมพบว่าระบบและกลไกการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ยังมีช่องว่างที่ทำให้ปัญหาการทุจริตยังคงรุนแรง และพบว่าในความเป็นจริงแล้ว รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่เพียงพอสำหรับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ
แหล่งที่มาของภาพ : http://4.bp.blogspot.com/_Ku6xCHVqAGI/TKdXACd9RRI/AAAAAAAAANk/rhZcfRZjmg0/s1600/answer-+jinu7.blogspot.com.jpg
ในบทความนี้ ผมจะกล่าวถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทของรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายในกระทรวง โดยมีข้อสมมติว่าหากรัฐมนตรีมีความตั้งใจในการจัดการปัญหาการทุจริตฯ รัฐมนตรีจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งผมมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
(1) สร้างมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าที่กำหนดในกฎระเบียบ
รัฐมนตรีควรประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการจัดการกับปัญหาการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายในกระทรวง โดยกำหนดเป้าหมายพัฒนาหน่วยงานในสังกัดให้เป็นหน่วยงานต้นแบบของความใสสะอาด การผลักดันเป้าหมายดังกล่าวนั้น รัฐมนตรีควรเน้นทำงานเชิงรุกโดยกำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์อย่างเป็นรูปธรรมว่าจะสร้างมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่ากฎระเบียบที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในกรณีต่างๆ ตัวอย่างเช่น
? การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดหาด้วยวิธีพิเศษให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า โครงการที่จำเป็นเร่งด่วนต้องมีลักษณะอย่างไร
? การกำหนดให้การปิดประกาศจัดซื้อฯยาวนานมากขึ้น และเผยแพร่ประกาศในวงกว้างมากขึ้น
? การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลและเอกสารในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และมาตรฐานการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีเอกสารใดที่ต้องเผยแพร่บ้างและกรอบเวลาของการเผยแพร่เป็นอย่างไร
(2) วางแผนการจัดทำแผนงานและโครงการล่วงหน้า 2 ปี
รัฐมนตรีควรสนับสนุนให้ส่วนราชการวางแผนการจัดทำแผนงานและโครงการล่วงหน้า เช่น กำหนดให้ส่วนราชการเริ่มจัดทำแผนงานและโครงการเพื่อยื่นของบประมาณเป็นเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ปี เพื่อให้รัฐมนตรีและกลไกการพิจารณาภายในกระทรวงมีเวลาเพียงพอในการพิจารณาและแก้ไขข้อเสนอแผนงานและโครงการต่างๆอย่างรอบคอบ ตลอดจนมีเวลาในการจัดเตรียมโครงการให้มีความพร้อมสามารถดำเนินได้ทันทีที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณ ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาความบกพร่องหรือการหมกเม็ดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและหลีกเลี่ยงความจำเป็นต้องใช้วิธีการจัดหาด้วยวิธีพิเศษ
(3) สร้างแรงจูงใจเชิงบวก
ในการส่งเสริมความสุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวง รัฐมนตรีควรพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้มีมาตรฐานในการวัดหรือให้คะแนนความสุจริตแก่หน่วยงานและบุคคลในสังกัด และจัดให้มีการประเมินความสุจริตที่มีความเชื่อถือได้ ประการสำคัญรัฐมนตรีควรจัดให้มีการจัดแข่งขันความใสสะอาดระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวง หรือมอบรางวัลและกิจกรรมเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณยกย่องให้กำลังใจแก่ส่วนราชการ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดที่มีคะแนนความสุจริตสูง หรือมีส่วนในการยกระดับมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวง นอกจากนี้ควรผูกโยงคะแนนความสุจริตกับการให้ความดีความชอบและผลตอบแทนแก่หน่วยงานและข้าราชการด้วย
(4) คุ้มครองความปลอดภัยผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต
รัฐมนตรีควรสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่ให้ข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภายในกระทรวง โดยการกำหนดมาตรการการคุ้มครองพยานหรือคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ให้ข้อมูลการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในองค์กร และอาจกำหนดให้มีรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่ให้ข้อมูล หรือให้มีช่องทางรับข้อมูลหรือหลักฐานการทุจริตโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อ ทั้งนี้เพื่อให้การหาหลักฐานการทุจริตมีความเป็นไปได้มากขึ้น
(5) เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างนั้น รัฐมนตรีควรเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกส่วนงานที่เป็นเจ้าของโครงการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซื้อฯ โดยเฉพาะก่อนการสอบ/ประกวดราคาและการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และระหว่างการดำเนินการตามสัญญาและก่อนการตรวจรับงาน ทั้งในฐานะที่เป็นคณะกรรมการ ผู้ควบคุมงาน ผู้สังเกตการณ์ หรือผู้ตรวจสอบ เช่น
? การแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาการดำเนินโครงการหรือคณะกรรมการกลั่นกรอง ทำหน้าที่ปปช.ประจำกระทรวง เพื่อตรวจสอบแทนรัฐมนตรีในแต่ละโครงการ
? การจัดเวทีรับฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตั้งแต่ก่อนการเปิดให้มีการประกาศสอบ/ประกวดราคา เพื่อรับฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคณะกรรมการตรวจสอบและกลั่นกรอง และป้องกันปัญหาการล็อคสเปก
? การจัดตั้งคณะกรรมการคำนวณราคากลางของกระทรวง ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการในกระทรวงและผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกและตัวแทนองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อคำนวณราคากลางตามหลักวิชาการและตามความเป็นจริง
(6) ตรวจสอบความสัมพันธ์ของข้าราชการกับเครือข่ายทุจริต
เนื่องจากข้าราชการอาจเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายการทุจริตด้วย ดังนั้นการตรวจสอบความสัมพันธ์ในเชิงทุนและการบริหารเฉพาะผู้ที่เสนอราคาหรือเสนองานจึงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีความเกี่ยวข้องในเชิงทุน เชิงบริหาร รวมทั้งความสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติกับผู้ที่เสนอราคา/เสนองานหรือไม่ นอกจากนี้ควรมีการตรวจสอบความสัมพันธ์และทรัพย์สินข้าราชการทั้งก่อนและหลังการดำเนินโครงการแล้วเสร็จด้วย เนื่องจากอาจมีการให้ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบต่างๆ หลังจากโครงการเสร็จสิ้นไปแล้ว
(7) การจัดทำบัญชีผู้ที่ถูกจับตามอง (Watch list)
เนื่องจากการหาหลักฐานในการเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตเป็นไปได้ยาก รัฐมนตรีควรริเริ่มให้มีการจัดทำบัญชีผู้ที่ถูกจับตามอง (Watch list) ที่ระบุรายชื่อของบริษัท ผู้ประกอบการ รวมทั้งรายนามของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร และผู้มีอำนาจสั่งการ ที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต แต่ยังมีไม่หลักฐานเพียงพอที่จะใส่ไว้ในบัญชีผู้ทิ้งงานได้ ทั้งนี้เพื่อให้มีการตรวจสอบเป็นพิเศษสำหรับโครงการที่บริษัทหรือบุคคลเหล่านี้เข้ามาร่วมเสนอราคา/เสนองาน
ถึงแม้ว่าข้อสมมติของการศึกษาชิ้นนี้ที่ระบุว่า รัฐมนตรีมีความตั้งใจในการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชันดูเหมือนไม่สมจริง เพราะรัฐมนตรีอาจเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างด้วย แต่ข้อเสนอแนะในบทความนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และพัฒนากลไกในการป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http://www.kriengsak.com