เปลี่ยนตลาดเก่า เป็นตลาดวัฒนธรรมท้องถิ่น

ที่มาของภาพ lt;http://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/nan/picture/00102_2.jpggt;
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีตลาดเป็นจำนวนกว่า 165 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยตลาดเอกชน ตลาดในสังกัดของกรุงเทพมหานคร และตลาดในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตลาดในแต่ละพื้นที่เป็นเสมือนแหล่งรวมของสินค้า อาหาร และวัฒนธรรมเฉพาะท้องถิ่น เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นแหล่งพบปะของคนส่วนใหญ่ในชุมชน วิถีชีวิต วิถีการบริโภคและวิถีการผลิตของชุมชนจึงถูกสั่งสมและแสดงอยู่ในตลาดแต่ละแห่ง
แต่น่าเสียดายตลาดที่เคยมีชื่อเสียงในอดีต อาทิ ตลาดนางเลิ้ง ตลาดเทวราช ตลาดท่าเตียน ตลาดเก่าเยาวราช ฯลฯ ปัจจุบันตลาดบางแห่งทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เหลือไว้เพียงคำบอกเล่าของคนในสมัยอดีตถึงความเจริญที่เคยเกิดขึ้น
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดเหล่านี้ต้องเงียบเหงาและซบเซาลง เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมไปสู่สังคมเมืองมากขึ้น และการขยายสาขาอย่างรวดเร็วของธุรกิจการค้าสมัยใหม่ ซึ่งรุกคืบเข้าไปในชุมชนต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง จนทำให้ตลาดเก่า ๆ ที่ให้ความรู้สึกไม่ทันสมัย สกปรก วางสินค้าอย่างเป็นระเบียบ และไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงไม่สามารถแข่งกับร้านค้าสมัยใหม่ที่ทันสมัย ซึ่งมีสินค้าหลากหลายกว่า สะอาดกว่า มีความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่า และสินค้าส่วนใหญ่มีราคาที่ต่ำกว่าได้
อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้ตลาดเก่าต่าง ๆ ปิดตัวเองลงไปตามกาลเวลา ย่อมเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะตลาดเก่าหลายแห่งเป็นแหล่งรวมสินค้าและบริการที่หาซื้อได้ยาก และมีวิถีชุมชนที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งอาจพัฒนาให้เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมหรือสินค้าสำหรับการท่องเที่ยวได้
การทำให้ตลาดเก่าอยู่รอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ จึงต้องผนวกระหว่างความใหม่ กับ ความเก่าเข้าด้วยกัน โดยการพัฒนาตลาดเก่าให้มีความสะอาด การจัดหาที่จอดรถเพื่อสอดรับกับวิถีคนเมืองที่ใช้รถยนต์เป็นพาหนะ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ การจัดโซนร้านค้าอย่างเป็นระเบียบ ในขณะเดียวกันยังคงรักษาวิถีชุมชนในอดีตโดยการสร้างหรือรื้อฟื้นกิจกรรมและวิถีชีวิตดังเดิม เพื่อทำให้ตลาดเก่ากลายเป็นตลาดวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่เน้นการขายสินค้า อาหาร ขนม และวัฒนธรรมที่เคยมีชื่อเสียงในแถบนั้น
ไม่เพียงตลาดเก่าเท่านั้นที่ควรได้รับการรื้อฟื้นให้เป็นตลาดวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่รวมถึงบ้านเรือน โรงแรม สถานที่ราชการ หรืออาคารสถานที่แบบเก่า ก็ควรได้รับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชุมชนนั้น ๆ ด้วย โดยผ่านการบูรณะสถานที่สำคัญ ๆ การทาสีอาคารเก่า หรือแม้แต่การปรับปรุงภูมิทัศน์หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ ๆ ที่มีสถาปัตยกรรมสอดคล้องกับบริบทดั้งเดิมของท้องถิ่น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้สถานที่เหล่านี้เป็นที่รู้จัก ซึ่งดีกว่าที่จะปล่อยให้สถานที่เหล่านี้ผุพังหรือเสียหายไปตามกาลเวลา
ดังตัวอย่างของตลาดบางแห่งในต่างจังหวัดที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ให้นำตลาดเก่าที่เกือบจะปิดตัวลง มาสร้างจุดเด่นที่สะท้อนวิถีชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ เช่น ตลาดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ได้รับการปรับให้เป็นตลาดร้อยปี โดยมีร้านค้าที่จำหน่ายขนมไทยและอาหารไทยที่หาทานได้ยาก ร้านขายของเล่นเด็กสมัยก่อนที่ปัจจุบันแทบจะซื้อหาไม่ได้ ร้านถ่ายรูปแบบโบราณ ร้านขายยาในอดีต โรงแรมในอดีต เป็นต้น ตลาดสามชุกจึงกลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศแวะไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก
การรื้อฟื้นตลาดเก่าเป็นตลาดวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่เพียงช่วยรื้อฟื้นเศรษฐกิจชุมชน ทำให้ผู้คนที่อาศัยในบริเวณนั้นมีรายได้ดีขึ้น ตลาดและสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ในกรุงเทพมหานครที่สามารถดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
* นำมาจากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันศุกร์11 เมษายน 2551
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2008-04-11