ถึงเวลาผลักดันกรุงเทพฯ เป็นมรดกโลก

* ที่มาของภาพ lt;http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/pic31/prasiratana2.jpggt;
จากการที่รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอนโยบายพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมืองเก่าเชียงแสน น่าน ลำพูน สู่การเป็นมรดกโลกผมคิดว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ ldquo;ยูเนสโกrdquo; เพียง 5 แห่ง คือ อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา สุโขทัย บ้านเชียง ทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง และผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก หากเปรียบเทียบกับสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมากมายในประเทศไทย
หากพิจารณาตัวเลขของ World Tourism Organization จะสังเกตได้ว่า ประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกอยู่มาก มักจะติดอันดับประเทศจุดหมายของนักท่องเที่ยว 1 ใน 10 ของโลก (ยกเว้นอินเดีย) มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลกทั้งสิ้น อาทิ อิตาลีมีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดถึง 41 แห่ง มีจำนวนนักท่องเที่ยว 37.1 ล้านคนต่อปี ประเทศสเปนมีมรดกโลก 40 แห่ง มีจำนวนนักท่องเที่ยว 52.4 ล้านคนต่อปี เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยมีมรดกโลก 5 แห่ง มีจำนวนนักท่องเที่ยว 11.7 ล้านคนต่อปีเท่านั้น (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 อันดับประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกและจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด 1 ใน 10 ของโลก
|
ประเทศ
|
แหล่งมรดกโลก
|
นักท่องเที่ยว
|
ประเทศ
|
แหล่งมรดกโลก
|
นักท่องเที่ยว
|
||||
|
อันดับ
|
แห่ง
|
อันดับ
|
ล้านคน
|
อันดับ
|
แห่ง
|
อันดับ
|
ล้านคน
|
||
|
อิตาลี
|
1
|
41
|
5
|
37.1
|
อินเดีย
|
7
|
27
|
n.a.
|
3.5
|
|
สเปน
|
2
|
40
|
2
|
52.4
|
เม็กซิโก
|
8
|
27
|
7
|
18.7
|
|
จีน
|
3
|
35
|
4
|
41.8
|
รัสเซีย
|
9
|
23
|
10
|
19.9
|
|
เยอรมัน
|
4
|
32
|
9
|
20.1
|
สหรัฐอเมริกา
|
10
|
20
|
3
|
46.1
|
|
ฝรั่งเศส
|
5
|
31
|
1
|
75.1
|
ตุรกี
|
n.a.
|
n.a.
|
8
|
16.8
|
|
สหราชอาณาจักร
|
6
|
27
|
6
|
24.7
|
ไทย
|
n.a.
|
5
|
19
|
11.7
|
หมายเหตุ : ตุรกีเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 8 ของโลก แต่จำนวนแหล่งมรดกโลกไม่ติด 1 ใน 10 ของโลก
ที่มา : UNESCO and World Tourism Organization (2005).
นอกจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านรัฐมนตรีฯ ต้องการผลักดันให้เป็นมรดกโลกแล้ว วัดและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ล้วนมีศักยภาพที่จะเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมได้ โดยเฉพาะสถานที่ในแถบพระนคร โดยเฉพาะบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน มีความงดงามควรค่าต่อการอนุรักษ์ และยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม อาทิ วัดเบญจมบพิตร วัดราชบพิตร วัดราชนัดดา วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า ภูเขาทอง ฯลฯ
การผลักดันสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นมรดกโลก อาจทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้นักวิชาการได้วิเคราะห์สถิติพบว่า รายได้การท่องเที่ยวในพื้นที่มรดกโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า ซึ่งหากความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้เป็นจริง การที่กรุงเทพฯได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอาจจะทำให้รายได้การท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 4 เท่า จากปัจจุบันที่ 336,621.89 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1.35 ล้านล้านบาทต่อปี และถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่เป็นจริง ประเทศไทยก็ยังได้รับประโยชน์ เพราะสถานที่ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะได้รับการประชาสัมพันธ์ในทางอ้อมให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รู้จัก และได้รับความช่วยทางวิชาการและการสนับสนุนงบประมาณจากยูเนสโกในการทะนุบำรุงมรดกโลก
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นมรดกโลก ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ รายได้การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นควรมาจากการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น มากกว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น เพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวมักจะมาพร้อมกับปัญหาต่าง ๆ อาทิ ความแออัดของนักท่องเที่ยว ความเสื่อมโทรมของสถานที่ท่องเที่ยว ความไม่เพียงพอของโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ปัญหาอาชญากรรม ฯลฯ
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรพัฒนาไปควบคู่กับการเป็นมรดกโลก คือ การพัฒนาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก เช่น การส่งเสริมการผลิตสินค้าและจำหน่ายที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก การส่งเสริมบริการแพทย์แผนไทยและบริการอื่น ๆ ในพื้นที่มรดกโลก การสนับสนุนการพัฒนาอาคารเก่าให้เป็นโรงแรมหรือร้านอาหารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับบน การฟื้นฟูวัฒนธรรมชุมชนและตลาดโบราณให้กลับมามีชีวิต การจัดเทศกาลหรือกิจกรรมที่หลากหลายให้กับนักท่องเที่ยว เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งด้านการเดินทาง ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว ความปลอดภัย มัคคุเทศก์ และอื่น ๆ
นอกจากนี้ รัฐบาลควรรณรงค์ให้เกิดความร่วมมือของประชาชน ในการรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทย ในฐานะของชนชาติที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าระดับโลก โดยการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมต่าง ๆ อย่างจริงจัง และการปรับทัศนียภาพในบริเวณแหล่งมรดกโลกให้สะอาดและเป็นระเบียบ ตลอดจนร่วมมือกันในการดูแลสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้น ๆ ให้สวยงาม ซึ่งหมายรวมถึงการร่วมกันบูรณะตึกราม อาคาร บ้านเรือนต่าง ๆ ที่ดูทรุดโทรมและขาดการทำนุบำรุงมาเป็นเวลานาน เช่น การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การทาสีอาคาร การปรับเปลี่ยนป้ายชื่อซอย ป้ายรถเมล์ ตู้โทรศัพท์ให้มีเอกลักษณ์และกลมกลืนกับทัศนียภาพโดยรอบ เป็นต้น
ผมเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะภาครัฐควรจะผลักดันกรุงเทพมหานครให้เป็นมรดกโลก เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว ยังเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯให้อยู่คู่กับคนไทยตลอดไป
* นำมาจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่10 เมษายน 2551
เผยแพร่:
0
เมื่อ:
2008-04-10