ตัวแทนพรรคเดโมแครตทำไมไม่เลือกทั้งสอง



* ที่มาของภาพ - http://www.adamzyglis.com/images/cartoon433.jpg

 
การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน 2008 มีความเข้มข้นทุกขณะ สื่อมวลชนได้จับจ้องการแข่งขันภายในพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นการแย่งชิงในการเป็นตัวแทนพรรคระหว่างนายบารัค โอบามา กับนางฮิลลารี คลินตัน เพราะการแย่งชิงการเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตระหว่างสองคนนี้ อาจจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้านเมืองของสหรัฐเลยทีเดียว นั่นคือ "การเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก และ ประธานาธิบดีผิวสีคนแรก" ซึ่งการแข่งขันแย่งชิงตัวแทนของพรรคขณะนี้ บารัค โอบามา มีคะแนนนำหน้านางฮิลลารี คลินตัน เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน แต่ได้มีคำถามเกิดขึ้นในบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตว่า ทำไมถึงเลือกทั้งคลินตันและโอบามาทั้งคู่ไม่ได้
 
ประการแรก แนวคิดการบริหารที่แตกต่างในเรื่องของคนสองยุค
 
การเลือกตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครต เป็นเรื่องการต่อสู้กันระหว่างคนรุ่น "เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X)" ซึ่งหมายถึง บารัค โอบามา กับพลังของคนยุค "เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers)" ซึ่งหมายถึง ฮิลลารี คลินตัน คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ได้ใช้เรียกคนอเมริกันที่เกิดในระหว่างปี 1961 ถึง 1977 และคนในยุคนี้มักจะบอกว่าตัวเองเป็นคนเน้นการปฏิบัติ หัวก้าวหน้า และมีค่านิยมร่วมกัน คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์มีอายุ 30-47 ปี น่าจะเป็นรุ่นลูกของคนยุคเบบี้บูมเมอร์อย่างฮิลลารี
 
การชูประเด็น เรื่อง ldquo;ความเปลี่ยนแปลงrdquo; ของโอบามาย่อมบ่งบอกให้อเมริกันชน ได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวหน้าสู่สังคมอเมริกันหากให้คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ได้เป็นผู้ขับเคลื่อนสหรัฐ ldquo;ทุกๆครั้ง คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามา และทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ วันนี้มีเสียงเรียกหาเราอีกครั้ง และถึงเวลาที่คนรุ่นเราจะตอบรับเสียงเรียกนั้นrdquo; นั่นคือ ส่วนหนึ่งในการพูดหาเสียงของโอบามา
 
เมื่อเปรียบเทียบกับฮิลลารี ถึงแม้ว่าความเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเดโมแครตที่ใช้ในการหาเสียงเพื่อที่จะเอาชนะพรรครีพับลิกัน แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า ldquo;ของใหม่rdquo; ไม่ได้สร้างความแตกต่างที่แท้จริงให้กับสังคมอเมริกันในขณะนี้ เพราะฮิลลารีบอกว่า ถ้าเธอชนะเลือกตั้ง เธอกับบิลจะทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ไม่ใช่ของใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน เนื่องจากแนวคิดการบริหารของฮิลลารีย่อมจะไม่แตกต่างจากการบริหารสหรัฐในยุคของบิล คลินตัน
 
ดังนั้น แนวคิดการบริหารของคนสองยุคที่แตกต่างกันย่อมจะต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถประสานทำงานด้วยกันได้ เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เป็นของใหม่ของโอบามานั้นคือ การบริหารที่ ldquo;ปลอดคลินตันrdquo;
 
 
ประการที่สอง แนวคิดที่แตกต่างในนโยบายประกันสุขภาพ
 
อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ฮิลลารีเป็นคนยุคเบบี้บูมเมอร์ ย่อมได้รับคะเเนนเสียงการสนับสนุนจากคนในยุคเดียวกัน เพราะคนอายุสูงกว่า 40 ปี มีปัญหาเรื่องการประกันสุขภาพที่ไม่ได้รับอย่างทั่วถึง จึงมีความเป็นไปได้มากที่ฮิลลารีจะได้รับการสนับสนุนจากคนกลุ่มนี้ เนื่องจากการหาเสียงของฮิลลารีที่จะแก้ปัญหาการรักษาพยาบาลในหมู่ผู้สูงวัยอย่างตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ลงคะแนนสูงวัยที่พยายามดิ้นรนเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเมื่อฮิลลารีเองได้ใช้นโยบายประกันสุขภาพมัดใจคนกลุ่มนี้ได้ และในตัวนโยบายประกันสุขภาพของฮิลลารียังได้บอกต่ออีกว่า ต้องการให้การประกันครอบคลุมประชากรสหรัฐทั้งหมด 47 ล้านคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่จะได้รับการประกันสุขภาพอย่างครบถ้วน ซึ่งจะแตกต่างจากโอบามาที่เน้นนโยบายการประกันสุขภาพกับคนที่ไม่ได้รับการประกันสุขภาพจากนายจ้างและผู้ที่ขาดคุณสมบัติไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการอื่นๆของรัฐ ซึ่งฮิลลารีให้ความเห็นกับนโยบายของโอบามาว่า เป็นแนวทางที่จะทำให้มีประชากรสหรัฐถึง 15 ล้านคนเสียสิทธิ์การประกันสุขภาพจากนโยบายดังกล่าวของโอบามา
 
ดังนั้น จากแนวคิดทางด้านการประกันสุขภาพของคนสองยุค ย่อมแสดงให้เห็นว่า คนเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ ถึงแม้จะมีความคิดก้าวหน้า สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันในก้าวต่อไป แต่ต้องหันกลับมาพาคนยุคเบบี้บูมเมอร์ให้ยอมรับกับความคิดใหม่อย่างก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน
 
ความแตกต่างทางด้านนโยบายดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตรับรู้ว่าเขาจะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเป็นตัวแทนพรรคไม่ใช่เลือกทั้งสองคน
 
ประการที่สาม ความแตกต่างของผลโพลล์การลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับพรรครีพับลิกัน

จากผลโพลล์ในเดือนที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบผู้แทนจากพรรครีพับลิกันซึ่งน่าจะเป็น จอห์น แมคเคน เป็นตัวแทนพรรคอย่างแน่นอน จากการหยั่งเสียงไพรมารี (Primary) ในแต่ละรัฐรวมทั้ง เดอะ ซุปเปอร์ทิวส์เดย์ (The Super Tuesday) แมคเคนมีคะแนนนำผู้สมัครคนอื่น ๆ ของ พรรครีพับลิกันด้วยกัน หากพรรคเดโมแครตได้ตัวแทนพรรคเป็นฮิลลารี ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจะต้องลุ้นผลคะแนนประธานาธิบดีแบบหายใจรดต้นคอ เพราะผลโพลล์จากสำนักข่าวเอพี ได้สำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันแล้วนำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (11 ก.พ.) พบว่าถ้าจัดให้มีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐขึ้นในขณะนี้นางฮิลลารีจะมีคะแนนสูสีกับนายแมคเคนร้อยละ 46 ต่อ 45 แต่ถ้าเปลี่ยนตัวแทนพรรคเดโมแครตมาเป็นนายโอบามาก็จะมีคะแนนนำอย่างท่วมท้นทันที คาดว่านายโอบามาจะเอาชนะนายแมคเคนได้ถึงร้อยละ 48 ต่อ 42
 
จากผลสำรวจดังกล่าวโอบามา มีแนวโน้มจะเอาชนะนายจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันได้มากกว่านางฮิลลารี คลินตัน ที่จะทำได้แค่สูสีกับนายแมคเคนเท่านั้น เนื่องจากโอบามาจะดึงคะแนนจากกลุ่มผู้ชาย ชนกลุ่มน้อย และพวกสายกลางได้ดีกว่านางฮิลลารี แถมนางฮิลลารียังดึงคะแนนจากกลุ่มผู้หญิง และคนขาวซึ่งสนับสนุนเธอในช่วงหาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นได้ไม่ดีไปกว่านายโอบามาด้วยถ้าต้องมาแข่งกับนายแมคเคน นั่นคือ โอบามาสามารถเข้าถึงกลุ่มคนทุก ๆ กลุ่มในสังคมอเมริกัน มากกว่านางฮิลลารี และเป็นบทสรุปที่ผู้สนับสนุนจากพรรคเดโมแครตน่าจะเลือกคนใดคนหนึ่งเป็นตัวแทนพรรค ที่จะสร้างความได้เปรียบให้เกิดขึ้นกับพรรคในการเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มากกว่าที่จะต้องรักพี่หรือเสียดายน้อง
 
จากบทสรุปดังกล่าว ผมคิดว่า ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตต้องกลับมานั่งคิดว่า การร่วมมือกันระหว่างฮิลลารีและโอบามานั้นย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะโอบามาสามารถรวมใจกลุ่มคนได้มากกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ เรียกว่า ldquo;ของใหม่rdquo; ที่โอบามาได้ชูประเด็นในการหาเสียงของตน ย่อมที่จะเลือกทีมงานใหม่ที่จะเข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และนั่นคือโอบามาที่สามารถมัดใจคนทุกระดับในสหรัฐได้ขณะนี้ และย่อมสร้างจิตสำนึกให้กับผู้สนับสนุนเดโมแครตว่าไม่สามารถเลือกทั้งคู่ แต่จะต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง
 
* นำมาจากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันศุกร์ที่29กุมภาพันธ์ 2551

แสดงความคิดเห็น
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2008-03-01