กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมน์ : ดร.แดน มองต่างแดน

โครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติหรือ PISA (Program for International Student Assessment) ที่เน้นการประเมินศักยภาพของนักเรียนอายุ 15 ปี จาก 65 ประเทศทั่วโลก ในการใช้ความรู้และทักษะที่จำเป็นในชีวิต ผลปรากฏว่า ในปี ค.ศ. 2012 ที่ผ่านมา มหานครเซี่ยงไฮ้ของจีนสามารถทำคะแนนสอบเป็นอันดับ 1 ในทุกรายวิชา อันได้แก่ วิชาคณิตศาสตร์ 613 คะแนน จากคะแนนเฉลี่ย 494 คะแนน วิชาการอ่าน 570 คะแนน จากคะแนนเฉลี่ย 496 คะแนน และวิชาวิทยาศาสตร์ 580 คะแนน จากคะแนนเฉลี่ย 501 คะแนน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกว่า เซี่ยงไฮ้สามารถพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพได้อย่างไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลทำให้เซี่ยงไฮ้ประสบความสำเร็จทางการศึกษาในปัจจุบัน


แหล่งที่มาของภาพ : http://www.innovationmanagement.se/wp-content/uploads/2013/02/how-to-develop-your-innovation-management-consulting-business-in-tough-times1.jpg


เดลินิวส์
คอลัมน์ ?แนวคิด ดร.แดน?

ในบทความตอนที่ 1 ผมได้อธิบายถึงข้อวิพากษ์เกี่ยวกับการวัดโลกาภิวัตน์ใน 2 ประเด็น คือ ความไม่ชัดเจนของนิยามโลกาภิวัตน์และความไม่ชัดเจนของความสัมพันธ์ระหว่างโลกาภิวัตน์กับเป้าหมายการพัฒนาประเทศ และในบทความตอนนี้เป็นการอธิบายข้อวิพากษ์ในประเด็นสุดท้าย คือ "ความไม่สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาของประเทศในเอเชีย" เป็นข้อวิพากษ์ที่บอกถึงความไม่สอดคล้องของชุดตัวชี้วัดโลกาภิวัตน์อาจไม่เหมาะสำหรับใช้วัดกับทุกประเทศ ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาประเทศและบริบทของการพัฒนาแตกต่างกัน 

 

The current political conflict reflects the replay of old movie but with new characters. It?s a real destruction cycle of political ?opponents? which?cannot? be resolved by the pressure of the crowdsbecause each party has its own?crowds? who are ready to leave their home and demonstrate supporting force, accounted for nearly one million people!

From the initial conflict begun many years ago till the last one in 2011, I have been analyzing the problem of conflict and proposed the concept of?balanced way? as a solution for Thailand. As this has been acknowledged and implemented by no one, the protest cycle for ousting the government has revisited.

เดลินิวส์

คอลัมน์ ?แนวคิด ดร.แดน?

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับเชิญไปปาฐกถาในงาน Asia Perspectives 2014 ที่จัดโดย Maulana Abul Kalam Azad Institute of Asian Studies (MAKAIAS) ณ ประเทศอินเดีย โดยผู้จัดได้ขอให้ผมบรรยายเกี่ยวกับการวัดโลกาภิวัตน์ของประเทศในเอเชีย

การศึกษาเกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ (globalization) ได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่การสร้างดัชนีชี้วัดโลกาภิวัตน์อย่างเป็นระบบเพิ่งเกิดขึ้นเพียงสิบกว่าปีที่ผ่านมาเท่านั้น โดยอาจแบ่งกลุ่มของตัวชี้วัดโลกาภิวัตน์ได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ดัชนีเดี่ยว (single index) และชุดของดัชนี (composite index)


แหล่งที่มาของภาพ : http://crazy-frankenstein.com/free-wallpapers-files/city/sao-paulo-wallpapers/favela-sao-paulo-city-wallpapers-1680x1050.jpg

ย้อนกลับไปในปลายทศวรรษ 1990 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าเทคโนโลยี คือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นอยู่ของคนในประเทศให้ดีขึ้นได้

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนส่วนหนึ่งกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะ ณ ปัจจุบัน การขยายตัวและความสำเร็จของบริษัทเทคโนโลยียังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ซิลิคอน เวลลี่ (Silicon Valley) ดินแดนที่เป็นที่ตั้งของบริษัททางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของโลกที่ที่มีความเหลื่อมล้ำในสังคมมากเป็นอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ

โลกวันนี้วันสุข
คอลัมน์ : HR Tips

คนทำงานจำนวนไม่น้อยประสบกับปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง เพราะไม่รู้วิธีเตรียมพร้อม ปรับตัวให้เหมาะสมที่จะทำงานช่วงกลางคืน รายงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การทำงานดึกมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของคนทำงาน

แอนเดรีย สเปธ แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ทำการวิจัยด้านการนอนหลับและนาฬิกาชีวภาพ โดยนำคนมากินนอนกันอยู่ในห้องวิจัยได้รับอาหารในแต่ละมื้อตามเวลาที่กำหนดและสามารถรับประทานอะไรเพิ่มเติมในช่วงเวลาอื่นๆได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกกำลังกาย และถูกจำกัดให้นอนได้เพียง 4 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 คืนติดต่อกัน ผลปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นมากกว่าผู้ที่ถูกควบคุมให้นอนเป็นเวลา 10 ชั่วโมงในแต่ละคืน


แหล่งที่มาของภาพ : http://khaosarnboston.com/wp-content/uploads/2013/12/woman-preparing-thai-food-at-floating-market.jpg

 

เดลินิวส์
คอลัมน์ ?แนวคิด ดร.แดน?

ประชากรหลายล้านคนในโลกยังคงมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เนื่องจากปัญหาความยากจน การขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาด สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ประชากรในหลายประเทศต้องเผชิญภาวะสงครามจนต้องกลายเป็นผู้อพยพ

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าสัดส่วนของประชากรที่ยากจน (ความยากจนแบบสัมบูรณ์) มีแนวโน้มลดลง แต่ปัญหาการกระจายรายได้กลับไม่ดีขึ้น (ความยากจนแบบสัมพัทธ์) ประชาชนส่วนหนึ่งจึงยังมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ในขณะที่สังคมไทยยังมีความเสี่ยงจากปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด สิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งทางการเมืองที่มีแนวโน้มไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมน์ : ดร.แดน มองต่างแดน

ธุรกิจกับสภาวะทางการแข่งขันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาทุกยุคทุกสมัย จึงมีความจำเป็นที่ธุรกิจต้องพัฒนากลยุทธ์การตลาดใหม่ๆเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีพลวัตเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างทันท่วงที และเพิ่มความได้เปรียบเหนือคู่แข่งมากขึ้น โดยจุดมุ่งหมายสุดท้ายคือการเพิ่มยอดขายและผลกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมาย

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้รับเชิญไปปาฐกถาในงาน Asia Pacific Research Conference (APRC Conference 2013) ที่จัดโดยสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย และได้มีโอกาสนำเสนอทิศทางการตลาดที่ในสายตาและความคิดของผม ผมวิเคราะห์แล้วและขอนำเสนอทฤษฎีใหม่ในทางการตลาดว่าจะเป็นทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของธุรกิจในทศวรรษหน้า ทิศทางการตลาดทั้ง 9 ประการ มีดังนี้

บ้านเมือง

กุญแจสำคัญที่ทำให้ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ มีศักยภาพทางภาษาอังกฤษ คือ นโยบายการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้ามามีบทบาทในระบบการศึกษาของฟิลิปปินส์เหมือนอย่างในอดีต ทักษะความรู้ทางภาษาอังกฤษเปรียบเสมือนมรดกที่สหรัฐได้ทิ้งไว้ผ่านรูปแบบของระบบการศึกษาในฟิลิปปินส์ โดยบทความนี้จะอธิบายถึงนโยบายการศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งแต่สมัยที่สหรัฐปกครองฟิลิปปินส์ จนปัจจุบันที่ฟิลิปปินส์สามารถบริหารระบบการศึกษาได้โดยปราศจากอิทธิพลของสหรัฐว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ในประเทศฟิลิปปินส์

      Following a 1970s global recession and resulting economic crisis in the Philippines, unemployment became a crucial problem, the unemployment rate rising to 11.8 percent in 1970, which was very high in the history of the country. For this problem, former president Ferdinand Marcos saw that the export of Filipina labour would create an opportunity to reduce unemployment and solve the economic crisis. The Philippines Labour Export Policy was an important policy to decrease the unemployment ratio and developed the Philippines economically from the past to the present. In this article, I will analyze the advantages and disadvantages of this policy, along with lessons that Thailand can also learn from it.