“ถ้าละครไทยไม่มี ‘ตัวอิจฉา’ จะเป็นอย่างไร?”...จากคำถามนี้ หลายคนคงตอบว่า ละครคงไม่สนุก ความรักของพระเอกนางเอกคงจะราบเรียบเกินไป ไม่มีใครมาแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ลอบทำร้าย และคงไม่ได้สะท้อนภาพ ‘นางเอก’ ซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘คนดี’ ชนะ ‘ตัวอิจฉา’ ซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘คนไม่ดี’ หรือ ธรรมะย่อมชนะอธรรม ในตอนจบให้เรียนรู้กัน
ตัวอิจฉาในละคร คือ ตัวแสดงที่รับบทบาทเป็นผู้มีนิสัยที่เห็นคนอื่นได้ดีแล้วทนดูอยู่ไม่ได้ เป็นตัวแทน ‘ด้านมืด’ ของมนุษย์ ซึ่งในโลกความเป็นจริง เราทุกคนอาจสวมบท ‘ตัวอิจฉา’ ได้อย่างอัตโนมัติ และสามารถ ‘ตีบทแตก’ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อไม่พอใจที่เห็นคนอื่น ‘ได้ดี’ กว่าในเรื่องที่ตนอยากจะมี อยากจะเป็น อยากจะได้.. 
ความรู้สึกอิจฉาเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ โดยไม่ต้องมีใครสอน คนที่ปล่อยให้อีโก้เข้าควบคุมจะถูกความอิจฉาริษยาเข้าครอบงำได้ง่าย เพราะมักเอาจุดอ่อนของตัวเอง ไปเทียบกับจุดแข็งของคนอื่น จึงเกิดความรู้สึกไม่พอใจ 


ความหยิ่งบั่นทอนเส้นทางความสำเร็จ แต่ความถ่อมใจช่วยรักษามันไว้...
คนหยิ่งนั้น มักจะคิดว่า ?ฉันรู้หมดแล้ว?  ?ฉันมั่นใจว่าคิดถูก? ?ฉันไม่เคยพลาดเลย? จึงไม่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่รับฟังคำแนะนำตักเตือน ดึงดันยึดมั่นถือมั่นความคิดตน...ในที่สุดก็ล้มเหลว
มาร์คัม และ สมิธ (Marcum & Smith) ผู้เขียนหนังสือ Economics สำรวจพบว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของธุรกิจที่ตัดสินใจผิดพลาด เกิดจากการขับเคลื่อนด้วยอีโก้ บริษัทที่เคยมีชื่อเสียง กลับล้มเหลวลงอย่างรวดเร็ว เพราะความหยิ่งยโสของผู้บริหาร ที่เชื่อมั่นตนเองเกินไป ไม่ฟังคำแนะนำ ลำพองในอำนาจและความสามารถของตน 

อิมมานูเอล ค้านท์ (Immanuel Kant) นักปรัชญาที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงอีโก้ไว้ว่า
อีโก้ คือ ‘ตัวตนเล็ก ๆ ของเราที่มีค่าสูง'
อีโก้ คือ อัตตา หรือ ตัวตน ที่ตัวเองคิดว่า เราเป็นใคร อาจหมายถึง ตัวเราที่เป็นจริง หรือ เป็นเพียงการรับรู้ตนเอง หรือคิดว่าตัวเองเป็นอย่างไร 
อีโก้ของเราแต่ละคน เป็นส่วนผสมผสาน ระหว่าง ความรู้สึกนึกคิด (mind) ร่างกาย (body) และจิตวิญญาณ (soul) ทำให้เราตระหนักรู้ว่า ตัวเรามีอยู่ เราเป็นใคร ต้องการอะไร และควรตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างไร 
อีโก้มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของเรามากน้อยต่างกัน เพราะส่วนผสมสามส่วนนี้ 
  1. ความรู้สึกนึกคิด (mind) เป็นการใช้สติปัญญา การใช้เหตุผล และอารมณ์ ในการประเมินและตัดสินใจ 
  2. ร่างกาย (body) เป็นการตอบสนองตามสัญชาตญาณ มีความปรารถนา ความต้องการ ความอยาก - อยากมี อยากเป็น อยากได้ เพื่อเติมเต็มความพึงพอใจของร่างกายและจิตใจ 
  3. จิตวิญญาณ (soul) เป็นเรื่


แหล่งที่มาของภาพ : http://mpics.manager.co.th/pics/Images/557000004088701.JPEG

กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมน์ : ดร.แดน มองต่างแดน


แหล่งที่มาของภาพ : https://p.gr-assets.com/540x540/fit/hostedimages/1382121194/5679696.jpg

     "คำที่มีอักษร 3 ตัว แต่มีพิษร้ายแรงที่สุด คือ คำว่า "ego"  ความทะนง หรือ ความเห็นแก่ตัว เอาชนะมันให้ได้"
     ข้อความนี้ ผมได้รับจากเพื่อนที่ชอบส่งต่อข้อคิดดี ๆ ผ่านมาทางไลน์  เชื่อว่าเมื่อหลายคนได้อ่าน ก็มักจะเห็นด้วยทันทีว่า อีโก้ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี และต้องเอาชนะมันให้ได้ ...
     ในความเป็นจริง ผมคิดว่า ข้อความนี้มองอีโก้ใน "แง่ ร้าย" เกินไป อีโก้โดยตัวมันเองนั้นมีความเป็นกลาง มีทั้ง ส่วนที่ดี และ ส่วนที่ไม่ดี ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า ให้อีโก้ทำงานของมันอย่างไร?
     หากวิเคราะห์ในสังคม สามารถแบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม
 
ถ้าเราบริหารตัวเองไม่ได้ เราก็บริหารคนอื่นไม่ได้...
     เป็นความจริงที่ว่า ไม่มีความพ่ายแพ้ใด ที่ทำให้คนล้มแล้ว ลุกขึ้นได้ยากที่สุด เท่ากับ ?แพ้ภัยตัวเอง? 
     เราเคยเห็นไหม..คนบางคนเรียนดีมาก ทำงานเก่งมาก แต่ขณะเดียวกันก็หยิ่งมากด้วย และความหยิ่งนี้เองทำให้เขาไม่เคยฟังคำแนะนำของใครเลย ยิ่งมีตำแหน่งสูง ยิ่งบงการทุกอย่างด้วยตนเอง และแน่นอนว่า ไม่มีใครเก่งได้ตลอด ตัดสินใจถูกต้องได้ตลอด จึงเป็นเหตุให้เขาผิดพลาด ล้มเหลวในที่สุด 
     เราเคยเห็นไหม..คนบางคนตั้งใจทำงานอย่างมาก ขยันขันแข็ง แต่หัวหน้าไม่เคยชมเขาเลย น่าเสียดาย แถมหลายครั้งยังถูกตำหนิด้วย เขารู้สึกน้อยใจ ขมขื่นใจ และทำงานไปวัน ๆ ไม่กระตือรือร้น เพราะคิดว่าทำไปก็เท่านั้น จึงทำ

 

กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมน์ : ดร.แดน มองต่างแดน

รายงาน United Nations World Urbanization Prospects กล่าวว่ากว่า2ใน3 ของประชากรโลกทั้งหมดจะอาศัยอยู่ใจกลางเมืองเนื่องด้วยความเป็นเมืองจะขยายออกมากขึ้น และในปี 2050 จำนวนประชากรใน mega cities จะเพิ่มขึ้นอีก 2.5 พันล้านคน โดยใน 2.5 พันล้านคนนี้ ร้อยละ 37 มาจากทวีปเอเชียและแอฟริกา คือ ประเทศจีน อินเดีย และไนจีเรีย ทำให้ในปี 2050 จะมีประชากรมากกว่า 6 พันล้านคน ที่อาศัยอยู่ใน mega cities ทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้จำนวน mega cities ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยตั้งแต่ปี 1990 มีเมืองใหญ่เพียง 10 เมืองเท่านั้น แต่ในปี 2014 นี้ มีเมืองใหญ่ถึง 28 เมืองทั่วโลก คือ 16 เมืองจากเอเชีย 4 เมืองจากละตินอเมริกา 3 เมืองจากทวีปแอฟริกาและยุโรปและอีก 2 เมืองจากทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส่วนมากแล้ว เมืองใหญ่เหล่านี้ตั้งอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Developing countries) และหลังจากนี้อีก 15 ปี คือ ในปี 2530 UN คาดว่าจะมีเมืองใหญ่เกิดขึ้นเป็น 41 เมือง