เหตุใดลัตเวียจึงต้องการใช้เงินสกุลยูโรแม้ยูโรประสบวิกฤติ?


ที่มาของภาพ : http://www.vamugynokseg.eu/ckeditor/ckfinder/userfiles/images/Euro.jpg

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าประเทศสมาชิกอียูมีมติรับลัตเวียเป็นสมาชิกชาติที่ 18 ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร (ยูโรโซน) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนสงสัยว่าเพราะเหตุใดลัตเวียซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่เศรษฐกิจเติบโต

เร็วที่สุดในยุโรป โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าร้อยละ 5 ต่อปีในปี 2554 และ 2555 จึงต้องการใช้เงินสกุลยูโร ทั้งที่ในช่วงเวลานี้สหภาพยุโรปยังคงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะเข้าสู่ปีที่ 3 แต่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปี 2556 ติดลบร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน และอัตราคนว่างงานโดยเฉลี่ยของยุโรปเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 12.1 (พ.ค.2556) ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 2552 ที่เกิดวิกฤ

ติ ซึ่งอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 74.6 แต่ปี 2555 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 85.3

แท้จริงแล้วการที่ลัตเวียตัดสินใจเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะนอกจากลัตเวียแล้วยังมีประเทศสมาชิกอียูบางส่วนที่วางแผนจะใช้เงินยูโรเช่นกัน เช่น ลิธัวเนีย วางแผนจะใช้เงินยูโรในปี 2558 เป็นต้น นอกจากนี้แล้วการตัดสินใจของลัตเวียนั้นไม่ได้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปมีปัญหา แต่เป็นแผนที่มีมาน

านแล้ว ดังจะเห็นได้จากการที่ลัตเวียเข้าเป็นสมาชิกของอียู ตั้งแต่ 1 พ.ค.2547 โดยช่วงแรกที่เป็นสมาชิกอียูนั้นยังไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโร แต่วางแผนว่าจะเปลี่ยนไปใช้เงินสกุลยูโรในปี 2551 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เกิดวิกฤติ (วิกฤติยุโรปเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2552 / ต้นปี 2553)

สาเหตุที่ทำให้ลัตเวียเปลี่ยนมาใช้เงินยูโรล่าช้าจากปี 2551 มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากลัตเวียเพิ่งสามารถดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเกณฑ์สำหรับการเข้าร่วมยูโรโซน (The euro convergence criteria หรือ the Maastricht criteria) ซึ่งมีเกณฑ์หลายประการ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งลัตเวียมีปัญหาเงินเฟ้อสูงมากถึงร้อยละ 15.3 ในปี 2551 (ตามกำหนดเวลาเดิม) เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (ไม่เกินร้อยละ 1.5 ของค่าเฉลี่ยของสมาชิกที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำที่สุด 3 ลำดับแรก) แต่ในช่วงปี 2553 จนถึงปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงได้ตามเกณฑ์ รวมทั้งปัญหาการขาดดุลงบประมาณของลัตเวีย ซึ่งในปี 2551 รัฐบาลขาดดุลงบประมาณร้อยละ 4.2 ของจีดีพี และการขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณ

ฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ขาดดุลไม่เกินร้อยละ 3 ของจีดีพี จนกระทั่งปี 2555 และ 2556 การขาดดุลงบประมาณของลัตเวียจึงลดลงเหลือร้อยละ -1.2 ของจีดีพี เป็นต้น

สำหรับเหตุผลที่ผู้นำของลัตเวียตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโรมีหลายประการ ได้แก่

ลัตเวียตรึงค่าเงินแลตส์ (Lats) ไว้กับเงินสกุลยูโรมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว

ดังนั้นหากมีความผันผวนใดเกิดขึ้นกับเงินยูโรจะส่งผลกระทบต่อเงินแลตส์และเศรษฐกิจของลัตเวียด้วย นอกจากนี้หนี้เอกชนของลัตเวียยังอยู่ในรูปของเงินยูโรถึงร้อยละ 90 ดังนั้นเมื่อเงินแลตส์ผูกติดเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเงินยูโรอยู่แล้ว การจะเข้ายูโรโซนหรือไม่เข้าก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

การมีความเชื่อมั่นต่อเงินยูโรในระยะยาว

การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของยูโรโซนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อเงินสกุลยูโรในระยะยาว ผู้ที่สนับสนุนการเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรในลัตเวียมีความเชื่อมั่นว่ายุโรปจะสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ใน 5 ? 10 ปีนี้ หลังจากนั้นในระยะยาวสหภาพยุโรปจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง การที่ลัตเวียเปลี่ยนมาใช้เงินยูโรจะทำให้ลัตเวียไม่ตกขบวนการพัฒนาในอนาคต

ความเชื่อว่าลัตเวียจะได้ประโยชน์จากการใช้เงินสกุลยูโรมากกว่าการใช้ค่าเงินเดิม

การที่ลัตเวียเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรจะเป็นประโยชน์แก่ลัตเวียหลายประการ เช่น

1) ต้นทุนในการทำธุรกรรมและการค้าระหว่างประเทศลดลง เนื่องจากลัตเวียทำการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่กับประเทศในกลุ่มอียู การใช้เงินสกุลตัวเอง (แลตส์) ในการทำการค้าทำให้จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเงินแลตส์ไปมาเป็นเงินสกุลยูโร การแลกเปลี่ยนเงินนี้มีต้นทุนและค่าใช้จ่าย ดังนั้นหากลัตเวียใช้เงินสกุลยูโรจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการต้นทุนในการทำธุรกรรมและการค้าระหว่างประเทศที่ลดลง เนื่องจากไม่ต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินไปมาอีกต่อไป

2) ลดความกังวลในการถูกโจมตีค่าเงิน เนื่องจากที่ผ่านมาลัตเวียผูกติดค่าเงินแลตส์ไว้กับค่าเงินยูโร ซึ่งการตรึงค่าเงินไว้กับยูโรนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีค่าเงิน การที่รัฐบาลต้องเข้าไปป้องกันการแทรกแซงค่าเงินนั้นตลอดเวลาเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็น การใช้เงินยูโรทำให้ลัตเวียไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป

3) การใช้เงินยูโรช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเข้าร่วมยูโรโซนช่วยทำให้เศรษฐกิจของลัตเวียผนวกเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปอย่างเด่นชัดมากขึ้นและช่วยสร้างเครดิตและความเชื่อถือให้แก่นักลงทุนทำให้ลัตเวียมีความน่าสนใจมากขึ้น เห็นได้จากทันทีที่คณะกรรมาธิการยุโรปตอบรับการสมัครเป็นสมาชิกยูโรโซนของลัตเวีย สำนักจัดอันดับเครดิตการเงินสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ได้เลื่อนอันดับเครดิตการเงินภาครัฐของลัตเวียขึ้นมาหนึ่งขั้นเป็น BBB+ และสำนักจัดอันดับฟิตช์ได้เลื่อนอันดับเครดิตเงินลัตเวียขึ้นมาหนึ่งขั้น เป็น BBB+ เช่นกัน

อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมใช้เงินสกุลยูโรอาจสร้างผลกระทบด้านลบกับลัตเวียด้วย เช่น ลัตเวียไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเป็นกลไกในการปรับตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกประเทศในยูโรโซนต้องเผชิญ เนื่องจากการใช้เงินสกุลเดียวกัน และมอบอำนาจในการกำหนดนโยบายการเงินให้กับธนาคารกลางของยุโรป (ECB) นอกจากนั้นการเข้าร่วมยูโรโซนยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของลัตเวียต่ำลง เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อประเทศที่สูงขึ้น หากไม่มีการควบคุมให้ดีจะนำไปสู่การกู้ยืมเกินตัวเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์และสเปนจนนำไปสู่วิกฤติหนี้สาธารณะ เป็นต้น

การที่ลัตเวียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เงินยูโรส่งผลดีต่อลัตเวียดังที่ได้กล่าวไป นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อสหภาพยุโรปโดยรวมด้วย เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นและเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศในยุโรปยังมีความเชื่อมั่นในเงินสกุลยูโรแม้จะอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามสัญญาณที่ส่งออกไปจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุโรปมากน้อยเพียงใดนั้นเรายังคงต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกันต่อไป

ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์
kriengsak@kriengsak.comhttp://www.kriengsak.com