พลังใจ

     เราทำงานแบบ "มืออาชีพ" หรือทำเพียงเป็น "อาชีพ"?
     เราสร้างผลงาน "ดีเลิศ" จนเป็นที่ยอมรับ หรือ ทำพอผ่าน ๆ ตามค่าตอบแทนที่ได้รับ..
     เรารับผิดชอบงานอย่างดี แม้ไม่มีใครคุม หรือ ถ้าหัวหน้าไม่คุม ก็ไม่กระตือรือร้นที่จะทำ..
     เรายินดีทุ่มเททำงานให้สำเร็จ เพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม หรือ ถ้าส่วนตัวไม่ได้ประโยชน์ ก็ไม่ค่อยอยากทำ..

"จากนิทานเรื่องเต่ากับกระต่าย" เมื่อเต่ากับกระต่ายต้องมาวิ่งแข่งกัน หากมองด้วยสายตาธรรมชาติแล้ว กระต่ายย่อมชนะอย่างแน่นอน  แต่เพราะเต่าทำอย่างเต็มที่หรือทำอย่างดีที่สุด  จึงทำให้ในที่สุดเต่าเข้าเส้นชัยได้ก่อน  ในเหตุการณ์นี้ ถ้ามีใครไปสัมภาษณ์กระต่ายก่อนการแข่งขัน กระต่ายคงไม่รู้ว่าตัวเองจะแพ้  หรือถ้าได้ถามเต่าก่อนการแข่งขัน เต่าก็คงไม่รู้อีกเช่นกันว่าตัวเองจะชนะ

ปรากฏการณ์ "เถ้าแก่น้อยร้อยล้าน" "รวยได้แต่เด็ก" ประสบความสำเร็จ (เป็นเศรษฐี) ตั้งแต่อายุยังน้อย ฯลฯ ที่กำลังเป็นกระแสมาแรงในสังคมไทย ในโลกเสรีทางการค้าและข้อมูลข่าวสารที่เปิดกว้างในปัจจุบันก่อให้เกิดช่องทางในการเป็นเศรษฐีใหม่ หรือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเมื่อเทียบกับยุคสมัยก่อนหน้า เศรษฐีใหม่วัยหนุ่มสาว ต่างตบเท้าเรียงหน้ากระดานเข้าสู่แวดวงทางธุรกิจ จำนวนมาก มีการเผยแพร่ผลงานความสำเร็จดังกล่าวออกไปอย่างกว้างขวางในทุกทาง ทั้งงานเขียน สื่อทีวี และการกล่าวถึงในสังคมออนไลน์ ก่อเกิดกระแสแรงผลักดันจากต้นแบบหรือไอดอลผู้ประสบความสำเร็จนั้นส่งต่อไปสู่ หนุ่มสาววัยเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง ฯลฯ ต่างปรารถนาอยากประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันแบบนี้บ้าง โดยนิยามแห่งความสำเร็จ หรือการเป็นเศรษฐี ที่คนส่วนมากเข้าใจหรือให้ความหมายไว้นั่นคือ  การประสบความสำเร็จในธุรกิจการงานจนมีฐานะร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทอง  สินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมากเพียงพอให้ตนเองมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้  มีเสรีภาพทางการเงิน ไปตลอดชีวิต

"ความสามารถในการพัฒนา และเพิ่มพูนทักษะเป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด ระหว่างผู้นำและผู้ตาม"

วอร์เรน เบนนิส และเบิร์ต นานุส ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำระดับโลกได้กล่าวข้อความข้างต้นไว้ 
 

ผู้นำที่สามารถนำคน นำองค์กร ฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุเป้าหมาย เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนได้ มักมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ไม่ยอมให้ตนเองเป็น ?อุปสรรค? ขัดขวางความสำเร็จ จึงพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่คิดว่าตนเอง เก่งแล้ว ดีแล้ว พอแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แต่คิดเสมอว่า จะทำอย่างไรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ มักเป็นผู้ที่มีความถ่อมใจรับฟังผู้อื่น ไม่ถูกจำกัดด้วยความคิด ประสบการณ์ หรือ ความสำเร็จในอดีต  แต่พร้อมแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตนเอง จัดการข้อบกพร่องที่เป็นอุปสรรค เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มพูนทักษะที่จำเป็นอยู่เสมอ

จงใช้ชีวิตราวกับว่าคุณจะตายในวันพรุ่งนี้ และจงเรียนรู้ราวกับว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป (Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.)

มหาตมะ คานธี ได้ให้ข้อคิดที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่าง ?รู้คุณค่า? และ ?คุ้มค่า? มากที่สุด ไม่ว่าเราเป็นใคร 

         ถ้าให้เลือกร่วมงานกับคน 2 คน เราจะเลือกทำงานกับใคร?
         คนแรก หัวหน้างานรับประกันให้ว่า ?คน ๆ นี้ พูดคำไหนคำนั้น ....รับปากแล้ว เขาจะต้องทำจนสำเร็จให้ได้?
         คนที่สอง เพื่อนร่วมงานกล่าวว่า ?คน ๆ นี้ ต่อหน้าหัวหน้าทำเป็นขยันขันแข็ง แต่พอลับหลังแอบเอางานส่วนตัวมาทำเป็นประจำ?

         เรียนมาก แต่อย่า ?คิดน้อย?...
         ครั้งหนึ่ง ผมไปให้คำปรึกษาแนะนำผู้บริหารชาวต่างประเทศที่ได้มาเปิดบริษัทสาขาในประเทศไทย เขาได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากทำงานร่วมกับพนักงานคนไทยมาพักหนึ่งว่า ตั้งแต่เดินทางพบปะผู้คนมาทั่วโลก เขาพบว่า พนักงานคนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างขาดความคิดเชิงวิพากษ์ เมื่อเทียบกับพนักงานที่เป็นคนชาติอื่น ๆ

         คนเก่งที่ทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่นไม่ได้ มักไม่เป็นที่ต้องการ เพราะความสำเร็จของงาน คือ ความสำเร็จของทีม...ไม่ใช่ของคน ๆ เดียว
         ที่ผ่านมา ผมบังเอิญได้เห็นเวบไซต์หนึ่ง ซึ่งได้จัดทำ info graphic กล่าวถึง ?นิสัยไทย ๆ ที่ทำให้ไทยไม่พัฒนา? มี 8 ลักษณะนิสัย ได้แก่

         ข้อความเพียงไม่กี่ประโยค ที่เขียนไปตามอารมณ์ความรู้สึกขณะนั้น ...อาจดับอนาคตเราได้!!
         ภาพเซลฟี เพียงภาพเดียว ที่ถ่ายสนุก ๆ ...อาจเป็นภาพ ?สิ้นคิด? ที่ทำให้ตกงานได้อย่างไม่คาดคิด!!
         ในโลกปัจจุบันที่ถูกเรียกว่าเป็น ?สังคมก้มหน้า? การสื่อสารตัวตน ? ฉันทำอะไร คิดอะไร อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ฯลฯ มักจะถูกส่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้รับรู้แลกเปลี่ยนกัน จนสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคม ซึ่งรวมถึงคนวัยทำงานด้วย 

วันหนึ่ง ผมไปบรรยายให้กับนักศึกษาและคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ในช่วงเช้าก่อนการบรรยาย ?คุณสิริพร? เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งของหน่วยงานนั้น ได้นำอาหารว่างมาให้ผม..ผมทั้งแปลกใจ และประทับใจในเวลาเดียวกัน
อาหารว่างของผมแตกต่างจากอาหารว่างที่เตรียมไว้ให้ทุกคน เพราะนอกจากมีกาแฟ และขนมตามปกติแล้ว ยังมีซุปไก่สกัดหนึ่งขวดวางอยู่ด้วย  ผมยังถ่ายภาพมาเลย ด้วยความประทับใจว่า เจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่น ทำมากกว่าหน้าที่ที่ควรทำ คือ แทนที่จะนำอาหารว่างที่เหมือน ๆ กับของคนอื่นมาเสิร์ฟให้ผม แต่เขาคิดไปไกลกว่านั้น ด้วยใจที่เอาใจใส่ เพราะรู้ว่า ผมคงเดินทางมาไกล ต้องปฏิบัติภารกิจมาหลายอย่าง อาจจะเหนื่อยและพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงได้เตรียมซุปไก่บำรุงร่างกายเพิ่มมาด้วย