เศรษฐกิจ


แหล่งที่มาของภาพ : http://www.moc.go.th/opscenter/md/wp-content/uploads/2013/02/119679.jpg

    
ในบทความครั้งที่แล้วผมได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีผลต่อการท่องเที่ยวของไทย เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัว การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวรุนแรงขึ้น บริการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น วัตถุประสงค์และรูปแบบการท่องเที่ยวมีความหลากหลายมากขึ้น การท่องเที่ยวส่วนบุคคลขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาขึ้นของเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และการพัฒนาของมาตรฐานสากลของบริการท่องเที่ยวในภูมิภาค เป็นต้น 


หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2551 เกิดข้อถกเถียงของนักเศรษฐศาสตร์ในประเด็นที่ว่า กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่(emerging economy) จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามสหรัฐไปหรือไม่ ข้อถกเถียงดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิดหนึ่งที่เรียกว่า "Economic Decoupling" ซึ่งพยายามอธิบายว่า เศรษฐกิจเกิดใหม่จะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจเกิดใหม่พึ่งพาสหรัฐลดลง แต่มีการพึ่งพากันเองมากขึ้น และพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศมากขึ้น
     แนวคิดดังกล่าวได้รับการยืนยันด้วยความแตกต่างของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยในขณะที่เศรษฐกิจเกิดใหม่ทั่วโลกทั้งในเอเชียตะวันออก กลุ่ม BRICS ละตินอเมริกา หรือแม้แต่ในแอฟริกามีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง แต่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกลับมีอัตราการขยายตัวอยู่ในระดับต่ำหรือแทบไม่ขยายตัวเลย

ในบทความครั้งที่แล้ว ผมได้วิเคราะห์ถึงความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผมได้อธิบายว่าอะไรที่เป็นจุดแข็งและอะไรคือจุดอ่อนของประเทศไทย และได้สรุปว่าเรายังขาดการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเข้าเป็นสมาชิกของ AEC

สำหรับบทความนี้ ผมจะเสนอแนวคิดการเตรียมพร้อมของไทยในการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งผมได้นำเสนอในงานเสวนาเรื่อง  การสร้างองค์กรแห่งความสุข" Happy Workplace ในยุค 3.0? จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่

     ประเทศไทยกำลังเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศความตื่นตัวในสังคมไทยเกี่ยวกับ AEC ยังมีอยู่น้อยมาก การพยายามทำความเข้าใจถึงผลกระทบของ AEC และการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ AEC ยังจำกัดอยู่เฉพาะผู้ประกอบการเพียงบางกลุ่ม

     เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไปร่วมเสวนาในงาน ? การสร้างองค์กรแห่งความสุขHappy Workplace ในยุค 3.0? ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ผมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในภาพกว้างในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งผมจะขอแบ่งปันความเห็นของผมที่ได้นำเสนอในงานดังกล่าว โดยแบ่งออกเป็น 2 ตอน โดยในบทความตอนแรกนี้เป็นเรื่องจุดอ่อนและจุดแข็งของไทยในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ AEC

การสร้างแบรนด์ให้กับประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ แนวคิดเรื่องการสร้างแบรนด์ให้ประเทศ (??Nation as a brand??) เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ.2000 ซึ่งการที่โลกมีความเป็นโลกาภิวัตน์มากขึ้นในทุกด้านทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม และยังมีแนวโน้มจะเป็นโลกาภิวัตน์มากขึ้น
 
อย่างต่อเนื่อง (ดังเห็นได้จากรายงาน KOF Index of Globalization ปี 2010 ซึ่งรวบรวมข้อมูล 208 ประเทศ ตั้งแต่ปี 1970 ? 2007 พบว่า โลกมีความเป็นโลกาภิวัตน์มากขึ้น) ปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ปัจจุบันหลายประเทศในโลกหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างแบรนมากขึ้น
 
 
ที่มาของภาพ     http://aberriberri.files.wordpress.com/2010/02/nation_branding.jpg?w=500

ในบทความครั้งก่อน ผมได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มที่ประเทศกำลังพัฒนาหรือเศรษฐกิจเกิดใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจแซงหน้าประเทศพัฒนาแล้ว และพึ่งพาประเทศพัฒนาแล้วลดลง แต่จะพึ่งพากันและกันมากขึ้น ตลอดจนมีแนวโน้มรวมกลุ่มกันมากขึ้น ทำให้มีอำนาจต่อรองและมีบทบาทในการกำหนดระเบียบเศรษฐกิจโลกมากขึ้น

ระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญทั้งโอกาสและความเสี่ยง บทความนี้ ผมจะวิเคราะห์ถึงความท้าทายและผลกระทบของระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ที่มีต่อประเทศไทย ดังต่อไปนี้
 
ที่มา....http://molehillsales.com/wp-content/uploads/2010/02/You-can-easily-boost-your-sales-with-these-steps.jpg

ผมได้รับเชิญไปบรรยายเรื่อง ?ระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่กับประเทศไทยยุคใหม่? ในการเสวนาวิชาการเรื่องวิสัยทัศน์ใหม่ประเทศไทย พ.ศ.2555 ซึ่งจัดโดยมูลนิธิประเมินมูลค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 ผมเห็นว่าประเด็นนี้มีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในอนาคต จึงอยากนำมาแบ่งปันในบทความนี้

 ที่มาของภาพ http://www.animalliberationfront.com/News/AnimalPhotos/Animals_151-160/tiger_rabbits2.jpg

หลายท่านถามผมว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นอย่างไร ผมคิดว่า”เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเป็นกระต่ายที่วิ่งช้า

     นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2553 ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เข้ายึดพื้นที่ในบริเวณย่านราชประสงค์ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 1 เดือนเศษแล้ว การชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์นั้นได้ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการและแรงงานบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก มีการประเมินว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีมูลค่า 5,244 ล้านบาท/เดือน หรือ 174 ล้านบาท/วัน ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลผู้รับผลกระทบโดยการให้เงินชดเชย 3,000 บาท แก่ลูกจ้างที่เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท 20,000 คน แต่ว่านายกรัฐมนตรีไม่เห็นชอบ เนื่องจากเห็