กทช.
ยังไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
แผนงานเพื่อผู้บริโภคยังไม่มีรูปธรรมชัดเจน
ไม่ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการรายใหม่
และทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์
เมื่อวันที่ 22
กันยายนที่ผ่านมา ผมได้อภิปรายในวาระรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กทช.) ประจำปี พ.ศ.2547
ผมเห็นว่า กทช.
ยังมิได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค ทั้งที่กฎหมายระบุชัดเจนว่า กทช.
มีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่
และกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
กิจการโทรคมนาคมเป็นกิจการที่มีมูลค่าสูงถึง 91,790 ล้านบาท
อีกทั้งมีความสำคัญในแง่ที่เป็นกิจการสาธารณะ
จำเป็นต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล
รวมถึงความมั่นคงของประเทศ จึงต้องการการกำกับดูแลเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ แต่แผนงานของ
กทช. ที่ปรากฏให้เห็นนั้น กลับไม่ได้เป็นหลักประกันที่ชัดเจนว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด
แผนงานในปีงบประมาณ 2548
ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรง เป็นเพียงการจ้างที่ปรึกษา
เพื่อศึกษาการจัดทำเกณฑ์ วิธีการและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น แต่ไม่มีการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
ที่ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคาและคุณภาพของบริการ โดยเฉพาะกรณีปัญหาการใช้โทรศัพท์ข้ามเครือข่าย
นอกจากนี้ การกำหนดค่าใช้จ่ายของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม
ไม่เพียงเป็นเครื่องกีดขวางการเกิดของผู้ประกอบการรายใหม่ แต่ยังเอื้อต่อการผูกขาดของผู้ประกอบการรายเก่า
เพราะผู้ประกอบการรายใหม่ต้องแบกรับภาระเท่ากับผู้ประกอบการรายเดิม
แต่กลับไม่ได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับรายเดิม ทำให้ผู้ประกอบการใหม่เกิดยาก
เพราะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงจนอาจแข่งขันไม่ได้และไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน
การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมยังทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์
เพราะอำนาจเหนือตลาดของผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ผูกขาดในกิจการนี้
จะทำให้ผู้บริโภคต้องเสียค่าบริการในราคาแพง เพราะมีการแข่งขันกันน้อย
อาจเกิดการฮั้วราคากันเองระหว่างผู้ประกอบการที่มีอยู่
ผมจึงทำให้เกิดคำถามว่า กทช.
ทำเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่?