เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
กระทรวงการคลังได้แก้ปัญหากองทุนให้กู้ยืมที่ผูกผันกับรายได้ในอนาคต
(กรอ.)
หรือ
ICL
กรณีที่วงเงินที่ได้รับการอนุมัติไม่เพียงพอต่อความต้องการกู้ยืมของประชาชน
โดยจะหาทางออกให้
กรอ.ไปกู้เงินจากธนาคารออมสินมาเป็นการชั่วคราว
เพื่อมาปล่อยกู้ให้กับนักเรียนในโครงการพิเศษก่อน
และจะตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาใช้คืนในปีต่อไป
ซึ่งจากการประเมินพบว่า
กรอ.อาจต้องกู้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า
2
พันล้านบาท
ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(สกอ.)
และกระทรวงศึกษาธิการได้คาดการณ์ว่า
เงินจำนวนดังกล่าวจะเพียงพอกับจำนวนผู้เรียนที่จะมากู้คือ
5-6
แสนคน
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้จัดสรรงบเพื่อปล่อยกู้นักศึกษาปีที่
1
ที่จะเปิดภาคเรียนในวันที่
1
มิ.ย.นี้
จำนวน
4,800
ล้านบาท
แต่ภายหลัง
กรอ.ได้ดำเนินโครงการพิเศษให้ผู้ที่ทำงานแล้วแต่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโท
สามารถกู้ยืมเพื่อใช้ในการศึกษาต่อได้
ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาบุคลากรของประเทศ
อีกทั้งที่ผ่านมามีการโหมประชาสัมพันธ์อย่างมากเพื่อให้คนเข้ามากู้เงิน
ทำให้มีนักศึกษาที่แสดงความประสงค์ในการกู้ยืมมากกว่าที่คาดไว้
โดยมีผู้กู้จำนวนไม่น้อยที่มีฐานะดีหรือมีเงินอยู่แล้ว
ประกอบกับการปรับเพดานเงินค่าเล่าเรียนของสถาบันอาชีวศึกษา
ทำให้เงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอ
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้
มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโยบายของรัฐในเรื่องนี้
ดังต่อไปนี้
ขาดความรอบคอบในการดำเนินโยบาย
โครงการดังกล่าวเป็นอีกโครงการหนึ่งที่สะท้อนว่า
รัฐบาลขาดความรอบคอบในการกำหนดนโยบาย
ไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ
และไม่ศึกษาผลกระทบที่ตาม
โดยเฉพาะการปล่อยกู้โครงการพิเศษสำหรับนักศึกษาปริญญาโท
ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนการปล่อยกู้ในปีแรกที่ทาง
สกอ.
ได้ประกาศไว้
ทั้งนี้หากเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการพัฒนาบุคลากรแล้ว
น่าจะมีการกำหนดไว้ตั้งแต่แรก
เพื่อให้สามารถจัดเตรียมงบประมาณได้เพียงพอกับความต้องการ
และในความเป็นจริง
ผู้กู้ในโครงการพิเศษนี้ควรได้รับการพิจารณาภายหลังจากผู้กู้ในระดับปริญญาตรี
เนื่องจากเป็นผู้ที่มีงานทำ
มีความสามารถในการจ่ายมากกว่าผู้กู้ในระดับปริญญาตรี
ซึ่งบางคนเป็นผู้เรียนมีความจำเป็นต้องกู้มากกว่า
เพราะมีฐานะยากจน
การโหมประชาสัมพันธ์โดยให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
ทำให้มีการความต้องการที่จะกู้มากกว่าที่คาดไว้
โดยขณะนี้มีผู้เรียนขอใช้สิทธิสูงถึง
95%
จากที่คาดไว้
80%
ของผู้ที่เข้าเรียนในชั้นปีที่
1
ทั้งหมด
จึงทำให้เงินไม่เพียงพอ
แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือ
การที่ผู้กู้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นการให้กู้ยืมที่ไม่มีดอกเบี้ย
ทั้งที่กองทุนดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการกู้ยืมจาก
กยศ.
กล่าวคือจะมีการปรับเงินต้นตามอัตราเงินเฟ้อ
กว่าผู้เรียนจะเรียนจบจนถึงทำงานมีเงินเดือน
16,000
บาท
ซึ่งเป็นอัตราเงินเดือนขั้นต่ำในการชำระหนี้แล้ว
ผู้กู้อาจมีภาระหนี้ที่ต้องชำระจำนวนมากก็เป็นได้
ขาดระบบการกลั่นกรองผู้ที่จะกู้ยืม
ทำให้เกิดปัญหาการใช้บริการเกินความจำเป็น
แม้ว่าโดยหลักการของ
กรอ.
นั้นมีปรัชญาพื้นฐานคือ
นักเรียนทุกคนมีสิทธิกู้
แต่จากการไม่มีระบบกลั่นกรองผู้กู้ยืม
รวมถึงการไม่กำหนดระยะเวลาคืนเงิน
จึงอาจทำให้ผู้มาขอกู้โดยความเชื่อว่า
ไม่มี
ไม่ต้องจ่าย
ซึ่งอาจส่งผลให้มีผู้เข้าสู่ระบบอุดมศึกษาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีกมาก
ส่งผลกระทบต่องบประมาณสนับสนุนด้านการศึกษาที่อาจบานปลายไปจากประมาณการที่ตั้งไว้
แม้รัฐบาลจะมีความพยายามในการลงทุนทางการศึกษา
ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว
และเป็นการลงทุนเพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศในอนาคตก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้น
ๆ คือ
การวางแผนในการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ
และกำหนดนโยบายโดยศึกษาผลกระทบรอบด้าน
เพื่อไม่ให้การลงทุนดังกล่าวเป็นการสูญเสียงบประมาณ
โดยที่ประเทศได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้
รัฐบาลควรกำหนดนโยบายการให้กู้ยืมสอดคล้องกับความต้องการของสังคม
เพราะการผลิตบัณฑิตเป็นจำนวนมากจนเกินความต้องการของตลาด
อาจจะทำให้ผู้จบการศึกษาไม่สามารถหางานทำได้
ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาของกองทุนในอนาคต
เพราะจะมีผู้กู้จำนวนมากไม่สามารถชำระหนี้คืนได้
|