เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
มีข่าวปรากฏหนาหูทางสื่อมวลชนทุกสำนักว่ามีการล็อบบี้และล็อกโผไว้เรียบร้อยแล้ว
แม้ใครจะเป็นคู่แข่ง
แม้ใครจะทักท้วงประการใดก็ไร้ความหมาย
อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า
“การล็อกตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้นเพื่อให้มีผลต่อการร่างรัฐธรรมนูญให้มีการสืบทอดอำนาจแบบเดียวกับคณะรสช
สภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่เป็นทั้งสภาผู้แทนราษฎร
วุฒิสภา
และรัฐสภา
จึงเป็นองค์กรที่มีความสำคัญทั้งต่อการพิจารณาร่างกฎหมายและร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร
ประชาชนจึงมีความคาดหวังว่าบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
เป็นคนดีมีคุณธรรม
มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพ
ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน
และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายโดยปราศจากข้อกังขา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เปรียบเหมือนฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องคอยตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาล
ดังนั้น
หากสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นพวกเดียวกับรัฐบาลหรือเป็นตรายางที่คอยประทับตรากฎหมายของรัฐบาลแล้ว
จึงไม่ต่างอะไรกับระบอบทักษิณที่ทำให้กลไกในการตรวจสอบพิกลพิการ
ทำงานไม่ได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี
แม้ในเวลานี้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่าประวัติศาสตร์กำลังเดินซ้ำกับรอยเดิมสมัย
รสช.
หรือไม่
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
ผมมองว่าเรายังไม่ควรด่วนสรุปหรือรวบรัดตัดสินทันทีในสิ่งที่ยังไม่เกิด
แต่ควรเปิดโอกาสให้ทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติและตัวท่านประธานมีชัยเอง
เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
เพื่อพิสูจน์ข้อครหาที่เกิดขึ้น
ฉะนั้น
สภานิติบัญญัติแห่งชาติจำเป็นต้องกอบกู้ภาพพจน์ที่ดีผ่านการทำงานครั้งนี้
เพื่อสร้างความมั่นใจและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
โดยผมมีข้อคิดเห็นบางประการ
ดังนี้
ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่กำลังจะมีขึ้น
หรือในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสังคมที่ถูกบีบด้วยระยะเวลาเพียง
1
ปีเศษ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องเป็นองค์กรที่มีบทบาทและผลักดันให้มีการรับฟังเสียงของประชาชนและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากที่สุด
อาทิ
สนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการภาคประชาชนเพื่อติดตามตรวจสอบการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมประชุมและมีสิทธิแสดงความคิดเห็นด้วยทุกครั้ง
การทำประชาพิจารณ์ในร่างกฎหมายที่สำคัญเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อสภานิติบัญญัติ
เป็นต้น
โปร่งใส
ไม่หมกเม็ด
การปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องมีความโปร่งใสอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาร่าง
กฎหมายต่าง
ๆ รวมถึง
พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี
2550
จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง
สามารถตอบคำถามและชี้แจงข้อสงสัยต่อประชาชนได้
โดยต้องแถลงความคืบหน้าของการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมต่อประชาชนทุกไตรมาส
ผ่านสื่อฯทั้งวิทยุและโทรทัศน์
ถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้ข้อมูลอย่างถูกต้อง
เป็นต้น
ตรวจสอบโดยภาคประชาชนได้
ต้องยอมรับว่าในเวลานี้เป็นช่วงสุญญากาศการเมืองไทย
กลไกการตรวจสอบโดยระบบกฎหมายไม่มี
ดังนั้น
การตรวจสอบโดยภาคประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
จึงควรจัดให้มีเวทีสาธารณะเวียน
ไปตามภูมิภาคต่าง
ๆในทุก
ๆ ไตรมาส
มีการเสวนา
โดยเปิดเผยข้อมูลการประชุม
รายงานผลการทำงานและ
เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถซักถามข้อสงสัยได้
เพื่อเปิดให้สังคมไทยตรวจสอบการทำงานของสภานิติบัญญัติได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าวันนี้กระแสข่าวที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
แต่ผลงานและระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ในสิ่งที่ถูกครหาว่าจะเป็นจริงดังนั้นหรือไม่
ได้อย่างดีที่สุด
|