เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่ามีการรวมกลุ่มกันของกลุ่มบุคคลที่เชียร์
พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร
และกลุ่มบุคคลที่ต่อต้าน
แต่ที่ผ่านมายังไม่มีเหตุการณ์ใดมีการใช้ความรุนแรงจากทั้ง
2
กลุ่ม
จนกระทั่งเหตุการณ์ในช่วง
2-3
วันที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนหรือเหตุการณ์ล่าสุดที่ห้างสรรพสินค้า
เซ็นทรัลเวิลด์
ซึ่งผมได้วิเคราะห์ไว้ว่าเป็นความพยายามหาเสียงของพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว
ผมยังมองอีกมุมว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาเพราะเริ่มมีการปะทะกันของกลุ่มที่เชียร์กับกลุ่มที่ไล่
เมื่อลองวิเคราะห์ตามแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย
ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการพูดแสดงความคิดเห็นโดยอยู่ภายใต้กฎหมาย
ดังนั้นการที่จะมีกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานจึงมิได้เป็นเรื่องที่แปลก
นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อสังคมโดยรวมด้วยเนื่องจากมีกลุ่มหนึ่งที่คอยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
แต่จากคำพูดของคนในรัฐบาลที่กล่าวถึงการกระทำของกลุ่มที่ต่อต้านว่า
เป็นการกระทำที่ก่อกวนบ้าง
มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบ้าง
นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ประชาชนทั่วไปร่วมกันประจานการกระทำของกลุ่มขับไล่รักษาการนายกรัฐมนตรี
ซึ่งผมมองว่าจะเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการของระบอบประชาธิปไตย
เพราะเหมือนกับห้ามมิให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการแสดงความคิดเห็น
หากลองวิเคราะห์ถึงจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนแบ่งฝ่ายออก
คือ
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
ไม่สามารถให้ความกระจ่างแก่สาธารณชนได้เกี่ยวกับเรื่องความไม่โปร่งใสต่างๆในช่วงที่บริหารบ้านเมืองจึงทำให้มีกลุ่มคนที่เรียกร้องให้
พ.ต.ท.ทักษิณยุติบทบาททางการเมืองจนกลายเป็นกลุ่มคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
และภายหลังจากนั้นจึงปรากฏกลุ่มที่สนับสนุน
พ.ต.ท.ทักษิณ
ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการชุมนุมใดที่ทั้ง
2
กลุ่มนี้มาพบกันจนกระทั่งมีเหตุการณ์ชุลมุนที่ห้างสยามพารากอน
นอกจากนี้จากคำพูดต่างๆที่รัฐบาลพยายามสื่อออกไปนั้น
จะเป็นการพยายามบอกประชาชนหรือไม่ว่า
กลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านหรือขับไล่รัฐบาลกลุ่มคนเหล่านั้นกำลังเป็นศัตรูกับรัฐบาล
ซึ่งการกระทำเช่นนี้กำลังจะแบ่งแยกกลุ่มคนในประเทศออกเป็น
2
กลุ่มอย่างชัดเจน
โดยที่การกระทำเช่นนี้อาจจะส่งผลให้เกิดความแตกแยกในสังคม
ซึ่งสุดท้ายจะขยายวงกว้างออกไปทุกพื้นที่
ทุกชนชั้น
ถ้าเป็นเช่นนี้การที่
พ.ต.ท.ทักษิณ
พยายามพูดถึงสมานฉันท์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสังคมไทยคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เพราะการกระทำของรัฐบาลนั้นดำเนินไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม
โดยที่ผ่านมาฝ่ายบริหารมีวิธีจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ตรงจุด
และถึงแม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแต่ปัญหาเรื่องความขัดแย้งของคนในสังคมยังคงอยู่
การเลือกตั้งอาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในการขจัดความขัดแย้งของกลุ่มคนในสังคม
ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้าม
อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการอ้างเสียงที่ได้รับจากการเลือกตั้ง
สุดท้ายนี้ผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลรักษาการชุดนี้ได้ลองทบทวนบทบาทของตนเอง
ในการพยายามสร้างความสมานฉันท์ในสังคม
โดยอาจจะเริ่มจากท่าทีของคนในรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องคำพูดที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกของกลุ่มคนเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงระหว่างกลุ่มคนต่างๆในสังคมอีก
และเลือกที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ตรงจุดเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในสังคม

|