เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
แม้นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่มุ่งเน้นไปในแนวทาง
“เศรษฐกิจพอเพียง”
ตามที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ประกาศไว้
แต่รัฐบาลยังมิได้มีการประกาศนโยบายที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงออกมาอย่างชัดเจนเพียงพอ
ทำให้ความเข้าใจของประชาชนและนักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงยังคงคลุมเครือ
ซึ่งอาจสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาลได้
ช่วงที่ผ่านมา
ภาครัฐและเอกชนได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้บางส่วนแล้ว
โดยในภาคเอกชนได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
และการพัฒนาเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม
(Corporate
Social
Responsibilities:
CSR)
ในส่วนขององค์กรภาครัฐได้ริเริ่มโครงการต่างๆ
ที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
อาทิ
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำดัชนีชี้วัดความสุข
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.)
และศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
(ศตจ.)
เป็นแกนนำในการดำเนินการ
โดยร่วมมือกับภาคประชาสังคมส่งเสริมให้ประชาชนทำบัญชีครัวเรือน
หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.)
รณรงค์ให้ลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนอีกทางหนึ่ง
สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมามีการริเริ่มจะจัดทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเช่นเดียวกัน
อาทิ
การจัดตั้งนิคมเศรษฐกิจพอเพียง
การจัดตั้งศูนย์สาธิตเศรษฐกิจพอเพียงในทุกตำบล
เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโครงการส่วนใหญ่เป็นเพียงความพยายามสร้างภาพว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมามีโครงการเศรษฐกิจพอเพียงแต่เป็นเพียงรูปแบบเท่านั้น
ทั้งยังขาดสาระในเชิงปรัชญาที่สำคัญ
ปรัชญาในการกำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาสวนทางกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสิ้นเชิง
เพราะเน้นการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย
ขาดเหตุผลที่ดีพอ
และขาดมาตรการรองรับความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
เช่น
การประกาศสร้างเมกะโปรเจ็กต์โดยใช้งบประมาณมหาศาลแม้ว่าในบางเส้นทางดูเหมือนไม่คุ้มค่าการลงทุน
การผลักดันการเจรจาเปิดเสรีทางการค้าอย่างรีบเร่งจนอาจขาดความรอบคอบ
การเน้นการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจโดยขาดความระมัดระวัง
นโยบายประชานิยมที่ทำให้ประชาชนเป็นหนี้มากขึ้น
หรือการนำหวยใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน
เป็นต้น
การให้ความสำคัญกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่ดี
แต่จำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมด้วย
ผมจึงขอมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบายที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
โดยมาตรการที่ผมเห็นว่ารัฐบาลนี้ควรผลักดันคือ
การสร้างกลไกส่งเสริมการออม
รัฐบาลชุดใหม่ควรริเริ่มสร้างกลไกการออมภาคบังคับ
และการส่งเสริมการออมแบบสมัครใจ
เช่น
การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
ระบบการออมเพื่อวัยเกษียณโดยการใช้ระบบกระจายรายได้ข้ามวัย
หรือระบบบัญชีส่วนบุคคล
เป็นต้น
การสร้างกลไกและส่งเสริมการออมจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจ
เนื่องจากโครงสร้างประชากรในอนาคตมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น
การออมไม่ว่าจะเป็นภาคบังคับหรือสมัครใจจะเป็นกลไกให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ในอนาคต
นอกจากนี้ระดับการออมในประเทศที่เพิ่มขึ้นยังช่วยให้มีเงินลงทุนในประเทศมากขึ้น
ลดการพึ่งพาเงินลงทุนจากต่างประเทศ
และลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ผมคิดว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน
มีความเหมาะสมที่สุดที่จะดำเนินนโยบายนี้
เพราะเป็นนโยบายที่ส่งผลดีต่อประชาชนในระยะยาวแต่ประชาชนบางส่วนอาจไม่ชื่นชอบมากนัก
ถึงกระนั้นหากชี้แจงให้เกิดความเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังน่าจะทำให้ประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น
|