เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ผ่านพ้นไปแล้วกับการแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องการบริหารจัดการเลือกตั้งและการให้ใบเหลืองใบแดงของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.)
ทั้ง
10
คน
ซึ่งทำให้เรารู้ว่าแต่ละคนมีแนวทางที่จะบริหารจัดการเลือกตั้งอย่างไรให้มีความสุจริตและเที่ยงธรรม
และแนวทางในการให้ใบเหลืองในแดงแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ข้อมูลดังกล่าวคงเป็นประโยชน์ต่อรักษาการสมาชิกวุฒิสภา
ในการนำมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกว่าที่
กกต.
จำนวน
5
คน
ว่าผู้ใดมีความเหมาะสมที่สุด
ควบคู่ไปกับตรวจสอบประวัติและความประพฤติของบุคคลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม
ประเด็นที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้คือ
มี
2
ใน
10
ว่าที่
กกต.
กำลังถูกสกัดเนื่องจากท่านหนึ่งเคยจัดทำและรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำหนังสือขนาดเล็ก
“หยุดระบอบทักษิณ
!
ช่วยกันกู้ชาติ
กู้ประชาธิปไตยของเราคืนมา”
ขณะที่อีกท่านหนึ่งเป็นประธานอนุกรรมการสอบสวนของ
กกต.ในคดีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง
ซึ่งทำให้ถูกตั้งคำถามว่า
หากได้รับเลือกเข้ามาเป็น
กกต.
จะส่งผลต่อความเอนเอียงในการบริหารจัดการเลือกตั้งจนทำให้พรรคการเมืองใดได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่
อย่างไร
?
ผมคิดว่าสังคมไทยไม่ควรมองคนอย่างแบ่งพรรคแบ่งพวก
หรือรีบสรุปว่าเขาคนนี้จะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพรรคการเมืองนี้หรือมีอคติกับพรรคการเมืองใด
สิ่งที่ดีที่สุด
คือพิจารณาจากบทบาทหน้าที่และประวัติการทำงานของเขาที่ผ่านมาว่ามีจุดยืนอย่างไร
รับผิดชอบในบทบาทของตนอย่างดีหรือไม่
ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองหรือไม่
หรือเคยมีประวัติเสื่อมเสียในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ซึ่งจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดมากกว่าการสรุปหรือกล่าวหาอย่างทันทีทันใดว่าเขามีอคติต่อนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด
ถ้อยแถลงส่วนหนึ่งของนายแก้วสรร
อติโพธิ
ที่ว่า
“ขอโทษผมไม่ใช่มีอคติต่อพรรคไทยรักไทย
ใครเป็น
กกต.
ต้องมีหน้าที่ควบคุมรัฐบาล
ไม่ให้เอาเปรียบพรรคไหนก็ช่าง
ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ
ถ้าไม่ทำคือมีอคติ
หรือถ้าทำโดยแกล้งเขานั่นก็มีอคติเช่นกัน
เพราะฉะนั้นคิดว่าหน้าที่แรกที่ต้องคิดคือ
ต้องไม่ให้มีการเอาเปรียบโดยอำนาจรัฐถ้าใครทำใบแดงกลางอากาศทันที”
(จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์,18
ส.ค.49
หน้า
4.)
สะท้อนถึงความจริงใจว่าหากเขาได้รับเลือกตั้งเป็น
กกต.
เขามีหน้าที่ต้องทำคือ
จัดการการเลือกตั้งอย่างเที่ยงธรรม
ไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐเพื่อเอาเปรียบทางการเมือง
โดยไม่มีอคติใด
ๆ
ต่อพรรคไทยรักไทยดังที่มีคำครหา
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
รักษาการวุฒิสมาชิกจะคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดทั้ง
5
คน
ให้เข้ามาบริหารจัดการเลือกตั้งให้เกิดความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม
โดยพิจารณาจากประวัติชีวิต
ความประพฤติ
คุณสมบัติต่าง
ๆ
และผลงานจากบทบาทหน้าที่ต่าง
ๆ
โดยไม่มีรีบด่วนสรุปหรือรีบแปะป้ายว่าใครคนใดคนหนึ่งมีอคติต่อพรรคการเมืองใด
|