เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในวันนี้
เมื่อมองอนาคตประชาธิปไตยไทย
ผมคิดว่า
แม้เราจะสามารถแก้ไขระบบให้ดี
แก้รัฐธรรมนูญที่มั่นใจได้ว่าเป็นของประชาชนมากที่สุด
แต่หากบุคคลที่สำคัญที่สุด
2
กลุ่ม
อันได้แก่
ประชาชน
และนักการเมือง
ขาดความสำนึกในคุณค่าของอุดมการณ์ประชาธิปไตย
ไม่สนใจที่จะดำเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตยแล้ว
อนาคตประชาธิปไตยคงเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไร้รากแก้ว
ย่อมไม่สามารถต้านทานลมพายุที่พัดผ่านมาได้
ในขณะที่อยู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งชื่อว่า
Integrity
เขียนโดย
สตีเฟ่น
คาร์เตอร์
(Stephen
L.
Carter)
เขียนไว้ตั้งแต่ปี
ค.ศ.1996
หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้คำตอบว่า
เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยจะมีโอกาสหยั่งรากลึก
และเติบโตอย่างมั่นคง
ผลิดอกออกผลงอกงามในอนาคตได้
หากเราพาคนทั้งชาติเข้าไปสู่
“หัวใจ”
ของวิถีประชาธิปไตย
หัวใจที่ว่านี้
คือ
ความสัตย์จริง
(Integrity)
ผมได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้
ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
ตีพิมพ์ฉบับวันศุกร์ที่
16
–
วันพฤหัสบดีที่
22
กุมภาพันธ์
2550
ชี้ให้เห็นแนวคิดที่น่าสนใจของคาร์เตอร์
ซึ่งย้ำให้เห็นว่า
ความสัตย์จริงนั้น
นับเป็นคุณธรรมอันดับแรกที่สะท้อนว่า
เราเป็นคนดีหรือไม่
เป็นคุณสมบัติที่เหนือกว่าคุณสมบัติอื่น
ๆ
ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมในใจเรา
ความสัตย์จริง
น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแห่งการสร้างและการดำรงอยู่ของอุดมคติแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยจะเข้มแข็ง
ถ้าการเมืองเป็นการเมืองที่สัตย์จริง
ประชาชนสัตย์จริง
นักการเมืองสัตย์จริง
ผู้นำประเทศที่สัตย์จริง
และระบบต่าง
ๆ
ที่สัตย์จริง
คำว่า
ความสัตย์จริง
(integrity)
มาจากรากศัพท์ภาษาลาติน
integer
ให้ความหมายว่า
รวมทั้งหมด
(wholeness)
แปลความได้ว่า
คนที่มีความสัตย์จริงคือผู้ที่แสดงตัวตนของตนทั้งหมดได้อย่างสอดคล้องกัน
ทั้งความคิด
คำพูด
และการกระทำสอดคล้องกับความถูกต้องที่เขายึดถือ
คาร์เตอร์ได้ให้ความหมายของ
คนที่มีความสัตย์จริง
(integrity)
ไว้ว่า
ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ
3
ขั้นตอน
อันได้แก่
ขั้นที่หนึ่ง
ตระหนักรู้ว่าสิ่งใดถูก
สิ่งใดผิด
ให้เวลาในการใคร่ครวญแยกแยะว่าสิ่งใดถูกหรือผิดอย่างไร
ให้เหตุผลได้อย่างชัดเจนว่าตนเชื่อว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิดเพราะเหตุใด
ขั้นที่สอง
กระทำสอดคล้องกับสิ่งที่ตระหนักนั้น
มั่นคงในความเป็นคนสัตย์จริง
เมื่อเราเชื่อว่าสิ่งใดถูก
ต้องมีการแสดงออกที่สะท้อนความเชื่อนั้นด้วย
“ทำในสิ่งที่คิด
คิดในสิ่งที่ทำ”
แม้ต้องจ่ายราคาหรือสูญเสียบางอย่างก็ตาม
และต้องต่อสู้อย่างเปิดเผย
หากเราเชื่อว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง
ขั้นที่สาม
สื่อสารอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่ตนทำ
สิ่งที่ทำนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง
และไม่อายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
โดยกล้าบอกว่า
ได้กระทำสิ่งใด
เหตุใดจึงทำเช่นนั้น
สามารถสื่อสารต่อสาธารณชนได้ว่า
เราคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง
ชอบธรรม
แม้มีบางคนที่ไม่เห็นด้วย
พลเมืองที่ดีควรเป็นพลเมืองที่มีความสัตย์จริงในชีวิตรอบด้าน
ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพใด
ๆ ก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง
แม่บ้าน
หัวหน้างาน
ผู้สื่อข่าว
ทนายความ
โดยจำเป็นต้องมีครบทั้งสามขั้นตอน
คนที่เที่ยงธรรมจะเป็นคนที่ไว้วางใจได้
เพราะเขาจะกระทำสิ่งที่เขาเชื่อมั่นว่าถูกต้อง
เขาจะเล่นตามกติกา
จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้
ตรงข้ามคนที่ขาดความสัตย์จริงคือ
คนที่คำพูดของเขาปราศจากความน่าเชื่อถือ
เราไม่เชื่อถือแรงจูงใจเบื้องหลังคำพูดและการกระทำของเขา
ถึงกระนั้นความจริงที่น่าเศร้า
คาร์เตอร์กล่าวว่า
คนจำนวนมากล้มเหลวตั้งแต่อยู่ในขั้นที่หนึ่ง
เนื่องจากเราไม่ได้ให้เวลาในการใคร่ครวญพิจารณาอย่างเพียงพอว่าเรื่องนั้นถูกหรือผิด
แยกแยะความถูกผิดของสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและพลังงานเป็นอันมาก
คนส่วนใหญ่มักรู้เพียงเนื้อหาสาระว่า
เราเชื่ออะไร
เรามีค่านิยมอะไร
แต่ไม่ได้คิดลึกไปกว่านั้นว่า
ทำไมเราจึงคิดและเชื่อหรือมีจุดยืนเช่นนั้น
ไม่ได้หาเหตุผลตอบตนเอง
แต่มักจะใช้หลักว่าป็นการง่ายกว่าที่เราจะคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่
ส่วนนักการเมือง
กลับมุ่งทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คะแนนเสียง
โดยมองประชาชนเป็นเพียง
“เครื่องมือ”
หรือหนทาง
ในการก้าวไปสู่อำนาจของตน
มากกว่าที่จะเห็นประชาชนเป็น
“เป้าหมายสูงสุด”
ในการดำรงอยู่ของอำนาจ
คาร์เตอร์มองว่าประชาชนกำลังกลายเป็นเหมือน
“เหยื่อ”
ที่กำลังถูกนักการเมืองทั้งสองฝ่ายพยายามควบคุมบงการ
เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเองมากกว่าเพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยใช้หยิบยื่นสิ่งที่เป็น
“ความต้องการ”
ของประชาชนมาเป็นตัวล่อให้หลงและให้เลือก
คาร์เตอร์ชี้ให้เห็นว่า
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างอาวุธทางการเมืองให้กับประชาชน
นั่นคือ
ประชาชนและนักการเมือง
จำเป็นต้องรื้อฟื้น
“ความสัตย์จริง”
ให้เป็นลักษณะชีวิตพื้นฐาน
และได้พยายามที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โดยได้นำเสนอหลักการ
8
ประการ
ในการค้นหาแก่นแท้ของประชาธิปไตย
หลัก
8
ประการในการนำไปสู่ความสัตย์จริงนี้
ผมจะมาพูดคุยให้เพื่อน
ๆ
ฟังในครั้งต่อไปครับ
|