เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในที่สุดสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีสามารถออกอากาศรายการต่าง
ๆ
ได้ตามปกติ
โดยมีกรมประชาสัมพันธ์
เป็นผู้เข้ามาบริหารสถานีโทรทัศน์ระบบยูเฮชเอฟแทนบริษัท
ไอทีวี
การที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สปน.)
ให้กรมประชาสัมพันธ์เข้ามาบริหารสถานี
เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไป
แต่โจทย์สำคัญยังไม่ได้รับการแก้ไข
คือ
ใครจะเป็นผู้เข้ามารับสัมปทานจาก
สปน.เพื่อทำให้เป็นทีวีเสรี
ไม่ถูกครอบงำจากอำนาจรัฐ
ตามเจตนารมณ์การจัดตั้งสถานีหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
2535
ในขณะนี้มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายต่อทิศทางทีไอทีวี
ส่วนหนึ่งของความเห็น
มองว่าควรจะจัดตั้งองค์กรอิสระเข้ามาดูแลคลื่นความถี่เพื่อให้มีการดำเนินการแบบสถานีโทรทัศน์บีบีซี
(BBC)
ของประเทศอังกฤษ
แม้ว่า
วิธีการดังกล่าวจะเป็นแนวทางออกที่ดี
แต่สิ่งที่พึงระวัง
คือ
การป้องกันไม่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงการดำเนินงาน
เหมือนองค์กรอิสระอื่น
ๆ
เช่นในอดีตที่ผ่านมา
รวมทั้งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
จนกลายเป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต
ความเห็นของคนอีกส่วนหนึ่งมองว่า
การเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลสัมปทานต่อจากบริษัท
ไอทีวี
จำกัด
(มหาชน)
จะสามารถดำเนินการให้เกิดทีวีเสรีได้มากกว่าการที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการเอง
แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นความจริงที่ว่า
หากบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ
จะช่วยแก้ปัญหาการแทรกแซงจากรัฐได้ระดับหนึ่ง
และลดการใช้งบประมาณของรัฐจำนวนมากได้
รวมถึงมีโอกาสที่จะเกิดทีวีเสรีได้มากกว่าการให้กรมประชาสัมพันธ์เข้ามาบริหารจัดการ
เพราะกรมประชาสัมพันธ์ย่อมทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลมากกว่านำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรงและเป็นกลางให้ประชาชนได้รับทราบ
แต่สิ่งที่ควรระวัง
คือ
บริษัทเอกชนที่สามารถประมูลสัมปทานคลื่นความถี่ได้
ต้องเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่
ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวโยงกับการเมือง
เห็นได้จาก
กรณีบริษัท
ไอทีวี
จำกัด
(มหาชน)
ที่กลายเป็นกระบอกเสียงเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
แทนที่จะเป็นกระบอกเสียงเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ดังนั้น
ผมเสนอแนวทางในการสร้างทีวีเสรีอีกทางหนึ่ง
ที่ไม่ใช่การทำให้เกิดการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรงและเป็นกลางโดยตรง
แต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนสามารถเลือกบริโภคข้อมูลข่าวสารได้หลากหลาย
ไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แต่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการบริโภคข้อมูลข่าวสารอย่างไร
โดยการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาบริหารกิจการสถานี
แต่แยกอำนาจในการกำหนดผังรายการออกมา
เพื่อเปิดให้มีการประมูลช่วงเวลาต่าง
ๆ
ของสถานี
แทนที่จะให้เจ้าของสถานีเป็นผู้จัดผังรายการเองทั้งหมด
โดยเน้นการประมูลที่โปร่งใส
ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมรับรู้ได้ว่าใครได้รับการประมูลรายการในช่วงใดไป
วิธีการนี้นอกจากจะทำให้กลุ่มทุนขนาดเล็กที่มีความสนใจ
และมีความสามารถในการดำเนินรายการ
สามารถเข้าถึงสื่อประเภทนี้ได้
การประมูลแบบโปร่งใสจะช่วยแก้ปัญหาการจัดผังรายการแบบทุบโต๊ะของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ว่า
จะให้ใครเข้าอยู่ในผังหรือออกนอกผังเช่นปัจจุบัน
ในระยะยาวการทำให้ทีวีเป็นสื่อเสรี
รัฐบาลควรเปิดกว้างให้มีการแข่งขัน
อนุญาตให้มีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้น
ให้เกิดการแข่งขันในการผลิตรายการ
ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายในการบริโภคสื่อ
ส่งเสริมให้สถานีโทรทัศน์แต่ละช่องผลิตรายการตามจุดแข็งของตนเอง
เพื่อให้เกิดรายการมีความหลากหลาย
สามารถดึงดูดความสนใจ
และตอบสนองความต้องการของผู้ชมเฉพาะกลุ่ม
แนวทางที่ผมเสนอ
ผมคาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านในเชิงแนวคิด
และเกิดประโยชน์ต่อผู้กำหนดนโยบายที่จะนำแนวทางดังกล่าวไปประยุกต์ใช้
เพื่อประโยชน์สุดท้ายจะเกิดกับคนไทย
ที่ได้บริโภคสื่อที่มีคุณภาพ
หลากหลาย
ไม่ใช่การยัดเยียดข้อมูลข่าวสารให้ประชาชน
เช่นปัจจุบัน
|