จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศฟิลิปปินส์ ในยุคของประธานาธิบดี เฟอร์ดินาล
มาร์กอส ผมได้พบความคล้ายคลึงกันของผู้นำประเทศต่างยุคต่างสมัยกัน
ระหว่างรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ และรัฐบาลไทยในปัจจุบันในหลาย ๆ
ประเด็น อาทิ
แก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มและรักษาอำนาจให้กับตนเอง
ในช่วงที่ครองอำนาจ
ประธานาธิบดีมาร์กอสได้ความพยายามเพิ่มและรักษาอำนาจของตนเอง โดยเฉพาะความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในปี
1971
เพื่อให้ตนเองสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้
ซึ่งได้มีข่าวอื้อฉาวว่ามากอร์สพยายามติดสินบนให้ผู้เข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โหวตแก้ไขให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งเกินกว่า
8
ปีหรือ
2
สมัย
แต่ความพยายามดังกล่าวไม่สำเร็จ มาร์กอสจึงประกาศกฎอัยการศึกในวันที่
21
ก.ย.1972
หลังจากนั้นอีก
14
ปีต่อมา
เขาปกครองฟิลิปปินส์ในแบบเผด็จการ
พฤติกรรมดังกล่าวคล้ายกับสิ่งที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พยายามทำในช่วงที่ผ่านมา เช่น
การออกพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะฉุกเฉิน
พ.ศ.2548
เพื่อเพิ่มอำนาจเด็ดขาดให้กับนายกฯ
การผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม
เพื่อให้นายกฯและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงพิจารณาและถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี
โดยไม่จำเป็นต้องประชุม ครม.ทั้งคณะ
และล่าสุดคือการออก พ.ร.ฎ.ยุบสภา
ซึ่งกำหนดวันเลือกตั้งอย่างกระชั้นชิด
เพื่อให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบในการเลือกตั้ง และประเด็นที่เราต้องติดตามต่อไป คือ
จะมีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาอำนาจให้ตนเองหรือไม่
แทรกแซงและปิดกั้นสื่อ
ในยุคของประธานาธิบดีมาร์กอส เป็นยุคที่สื่อสารมวลชนของฟิลิปปินส์ขาดเสรีภาพ เพราะสถานีวิทยุมีกลุ่มทุนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเป็นเจ้าของ
และมาร์กอสยังได้ให้เครือญาติรวมไปถึงเพื่อนของตนควบคุมหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
แต่หลังจากการตายของเบนิญโญ อาร์คีโน ผู้นำฝ่ายค้านของฟิลิปปินส์
จากการถูกลอบสังหาร ซึ่งมีการครหาว่าเป็นการบงการของประธานาธิบดี
หนังสือพิมพ์ในฟิลิปปินส์จึงเริ่มปลอดจากการเมืองมากขึ้น
ในยุคสมัยของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร สื่อสารมวลชนในประเทศไทยถูกแทรกแซงและปิดกั้นไม่แตกต่างกัน
ทำให้ไม่สามารถสื่อสารความจริงให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ดังตัวอย่างของกรณีที่ชินคอร์ปเข้าถือหุ้นใหญ่ในไอทีวี
และย้ายบรรณาธิการข่าวของไอทีวี
เพราะไปวิจารณ์การแก้ปัญหาไข้หวัดนกของนายกฯ รวมทั้งการปลดผู้สื่อข่าวไอทีวี
23
คน การปลดบรรณาธิการและบรรณาธิการข่าวสายความมั่นคงของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
การฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่เสนอข่าววิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจครอบครัวของนายกฯ
การปิดวิทยุชุมชนที่วิจารณ์รัฐบาล รวมไปถึงการแทรกแซงสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง
แต่หลังจากการชุมนุมขับไล่นายกฯ
มีความเข้มข้นมากขึ้น การเสนอข่าวของโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์จึงเริ่มมีความเป็นกลางมากขึ้น
นี่คือบางส่วนที่ผมอยากจะนำเสนอ
ความเหมือนของผู้นำทั้งสองประเทศซึ่งใช้วิธีการที่ไม่แตกต่างกัน
ในการรักษาอำนาจของตนเองให้ได้นานที่สุด