Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


 

ความไม่สมเหตุสมผลของการเป็นศูนย์กลางพลังงาน
The Illogic of Thailand as an Energy Hub

 

16  กรกฎาคม 2549

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                     

ในรายการนายกทักษิณคุยกับประชาชน รักษาการนายกรัฐมนตรีอ้างว่า ประธานาธิบดีรัสเซียเสนอให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานโดยจะนำน้ำมันและก๊าซมาไว้ที่ไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยซื้อพลังงานได้ในราคาต่ำลงกว่าประเทศอื่น และทำให้บริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.มีกำไรและมีรายได้กลับสู่รัฐ รวมทั้งจะทำให้ได้เรียนรู้และเกิดการพัฒนาด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น

นโยบายศูนย์กลางพลังงานมิได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่รัฐบาลทักษิณ 1 ได้เคยประกาศว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันของภูมิภาค โดยมีโครงการสำคัญคือ การจัดตั้งศูนย์การค้าน้ำมันที่ศรีราชา และสร้างท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมระหว่างชายฝั่งทะเลตะวันออก-ตะวันตก (Strategic Energy Landbridge) เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มประเทศผู้ผลิตพลังงานในตะวันออกกลาง กับกลุ่มประเทศผู้นำเข้าพลังงานในเอเชียตะวันออก

เมื่อพิจารณาจากภูมิศาสตร์ ประเทศไทยถือว่ามีความเหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงานในภูมิภาคนี้ เนื่องจากอยู่ศูนย์กลางระหว่างผู้ส่งออกและผู้นำเข้าน้ำมัน ไทยยังมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่พร้อมต่อการนำเข้าและส่งออกพลังงานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และมีโรงกลั่นน้ำมันที่มีกำลังผลิตสูง

แม้ว่าประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงานในปัจจุบัน มีความได้เปรียบในแง่ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือจากตะวันตกสู่ตะวันออก แต่เส้นทางเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกามีความแออัดมากและมีความเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายและโจรสลัด ดังนั้นหากประเทศไทยสร้างท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมระหว่างชายฝั่งทะเลตะวันออก-ตะวันตกได้ จะทำให้ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงาน เพราะระยะทางการขนส่งน้ำมันสั้นลงและมีความปลอดภัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์การผลักดันให้ประเทศไทยศูนย์กลางการค้าพลังงานของภูมิภาคดังกล่าว ได้ถูกท้าทายโดยยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางพลังงานของจีน ซึ่งกำลังก่อสร้างเส้นทางขนส่งพลังงานเส้นใหม่จากพม่าและปากีสถานเข้าสู่ประเทศจีน

เมื่อหันมาพิจารณาแนวคิดในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงาน โดยการนำน้ำมันและก๊าซที่ขุดเจาะได้ในประเทศรัสเซียมาไว้ที่ประเทศไทย แม้รูปแบบการดำเนินการยังไม่ชัดเจน แต่น่าจะเป็นการวางท่อส่งน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียมายังประเทศไทย เพื่อทำการกลั่นและส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าพลังงาน ด้วยแนวคิดเช่นนี้ ผมคิดว่ามีความไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

ประเทศรัสเซียมีความต้องการส่งออกพลังงานของตนเองไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพราะรัสเซียอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และมีกำลังการผลิตที่เกินกว่าความต้องการในประเทศ สภาพยุโรปจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัสเซียต้องการเข้าไปเปิดตลาดพลังงาน

อีกกลุ่มประเทศหนึ่งที่เป็นเป้าหมายของรัสเซียคือเอเชียตะวันออก เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการบริโภคพลังงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจีนที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และต้องการนำเข้าน้ำมันสูงขึ้นมาก จนทำให้ราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

คำถามคือ มีเหตุใดที่จูงใจใดที่ทำให้รัสเซียต้องนำน้ำมันและก๊าซมาไว้ที่ประเทศไทย ในเมื่อประเทศผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของภูมิภาคนี้คือจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรมและมีการขยายทางเศรษฐกิจสูง ทำไมรัสเซียไม่ทำท่อส่งน้ำมันและก๊าซเข้าประเทศเหล่านี้โดยตรง ทั้ง ๆ ที่มีระยะทางสั้นกว่า

คำตอบคือ ไม่มีเหตุผลที่รัสเซียจะทำท่อขนส่งน้ำมันผ่านประเทศต่าง ๆ เข้ามาประเทศไทยเพื่อทำการกลั่น แล้วขนส่งย้อนกลับไปจำหน่ายที่กลุ่มเอเชียตะวันออกอีก เพราะสิ้นเปลืองต้นทุนการขนส่ง

การที่รัสเซียจะนำน้ำมันและก๊าซมายังประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ไม่สมเหตุสมผลอีกเช่นกัน เพราะประเทศในกลุ่มอาเซียนส่วนหนึ่งเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน พม่า หรือแม้แต่เวียดนามที่เริ่มมีการค้นพบแหล่งพลังงานมากขึ้น ขณะที่สมาชิกอาเซียนอีกส่วนหนึ่งยังมีความต้องการใช้พลังงานน้อยมาก

ส่วนการที่รักษาการนายกฯอ้างว่า การนำน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียมาไว้ที่ประเทศไทย จะทำให้ประเทศไทยซื้อพลังงานได้ในราคาถูกกว่าประเทศอื่นนั้น มีความไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากการก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียมายังประเทศไทยมีระยะทางที่ค่อนข้างไกล ทำให้มีต้นทุนสูงมาก ดังนั้นปริมาณการขนถ่ายน้ำมันและก๊าซผ่านท่อดังกล่าวจะต้องมีจำนวนมากพอจึงจะคุ้มทุน แต่จากเหตุผลที่กล่าวข้างต้นว่า ความต้องการนำเข้าพลังงานในภูมิภาคอาเซียนไม่สูงมากนัก จึงอาจทำให้โครงการนี้ยังไม่คุ้มค่าในการลงทุน

ยิ่งไปกว่านั้น หากเปรียบเทียบการทำท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังประเทศไทย กับการขนส่งก๊าซจากพม่าหรือบรูไนเข้ามายังประเทศไทย กรณีหลังน่าจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเนื่องจากมีระยะทางการขนส่งที่ใกล้กว่า

ส่วนการทำท่อขนส่งน้ำมันจากรัสเซียมายังประเทศไทยนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนการขนส่งน้ำมันทางเรือจากตะวันออกกลางมาประเทศไทยเสียก่อน จึงจะพูดได้ว่าประเทศไทยจะสามารถซื้อน้ำมันได้ในราคาต่ำกว่าประเทศอื่น      

นี่ยังไม่ได้รวมถึงกรณีที่ ปตท. (ซึ่งมีเอกชนถือหุ้นอยู่เกือบครึ่ง) เป็นผู้ผูกขาดท่อก๊าซและน้ำมัน ยิ่งทำให้โอกาสที่คนไทยจะได้ใช้พลังงานในราคาถูก คงจะเป็นไปได้ยากยิ่ง

 

 



-------------------------------