Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์



ควรจัดดีเบททางการเมืองอย่างไร
Configuring the upcoming political debate: Allowing honest deliberation

 

11 สิงหาคม 2549

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                               
         

            เมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้ง ประเด็นหนึ่งที่สังคมไทยให้ความสนใจและอยากให้เกิดขึ้นคือ การขึ้นเวทีประชันระหว่างหัวหน้าพรรคการเมืองในการแสดงวิสัยทัศน์ ดังการเปิดเผยผลการสำรวจของเอแบคโพล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หัวข้อเรื่องความคิดเห็นต่อการจัดเวทีสาธารณะประชันแนวคิดของหัวหน้าพรรคในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ใน 15 จังหวัด ผู้ตอบแบบสอบถาม 2,812 คน ระหว่างวันที่ 25 .. – 5 .. ปรากฏว่า ร้อยละ 85.2 อยากเห็นอยากฟังพรรคการเมืองต่าง ๆ มาแสดงแนวคิดแก้ไขปัญหาของประเทศบนเวทีพร้อมกัน ขณะที่ร้อยละ 14.8 ไม่อยากเห็นไม่อยากฟัง ขณะเดียวกัน ประชาชนร้อยละ 89.7 อยากเห็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยบนเวทีแข่งขันสาธารณะประชันแนวคิด รองลงมาร้อยละ 88.6 อยากเห็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 63.6 อยากเห็นหัวหน้าพรรคชาติไทย ตามลำดับ

คำถามคือ รูปแบบและเนื้อหาของการจัดเวทีสาธารณะประชันแนวคิด หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ดีเบท” (debate) ควรเป็นอย่างไร อันจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในการรับฟังและตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองให้เข้ามาบริหารประเทศ

ผมคิดว่า การจัดดีเบทในทางการเมืองไม่จำเป็นต้องเชิญหัวหน้าพรรคทุกคนเข้าร่วม แต่ให้เชิญหัวหน้าพรรคเพียงสองคนเท่านั้นที่คาดว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับที่หนึ่งและสองตามลำดับ (ดังที่ต่างประเทศจะเชิญหัวหน้าพรรคเพียงสองคนที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่งขันที่จะชนะและก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ) เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าทั้งสองคนมีแนวทางในการแก้ไขและพัฒนาประเทศอย่างไร โดยมีรายละเอียดของการพูดบนเวทีที่ให้แสดงวิสัยทัศน์ ประกาศนโยบายพรรค และทิศทางในการบริหารประเทศในเวลาที่กำหนดไว้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนที่ได้รับฟังเนื้อหา และใคร่ครวญต่อสัญญาประชาคมที่ประกาศไว้บนเวทีว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบในการตัดสินใจเลือกนักการเมืองและพรรคการเมืองนั้นเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตนในการบริหารประเทศ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะทำให้ทราบว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะมีไหวพริบ สติปัญญา และมีภาวะความเป็นผู้นำอย่างไร โดยสิ่งที่จะพิสูจน์ในเรื่องดังกล่าวได้คือ ความสามารถในการตอบคำถามสดจากคณะกรรมการในการจัดดีเบท (โดยที่หัวหน้าพรรคทั้งสองไม่ทราบคำถามมาก่อน) เกี่ยวกับเรื่องสภาพสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การแข่งขันทางการค้า ฯลฯ เพราะคำถามต่าง ๆ เหล่านี้ จะชี้ให้เห็นว่า หากก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตต่าง ๆ จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร

ประการสุดท้าย ควรเปิดโอกาสให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคได้ตั้งคำถามไปยังฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะกำหนดไว้คนละ 3 – 5 คำถาม การตั้งคำถามแบบนี้จะทำให้บรรยากาศในการดีเบทมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เป็นการบีบคั้นอารมณ์อย่างถึงที่สุด เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะตั้งคำถามเกี่ยวกับอะไร มีเหตุผลเบื้องหลังในการตั้งคำถามอย่างไร และควรจะตอบคำถามดังกล่าวอย่างไร การตั้งคำถามและตอบคำถามกันไปมา เปรียบเสมือนการแลกหมัดของนักมวย กล่าวคืออาจจะได้เห็นการแพ้ชนะกันบนเวทีอย่างชัดเจนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 .. เสียด้วยซ้ำ และจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หัวหน้าพรรคคนใดมีความเหมาะสมที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

                                ผมไม่เห็นด้วยกับรูปแบบเวทีสาธารณะที่ให้หัวหน้าพรรคมาพูดถึงนโยบายพรรคคนละครึ่งชั่วโมง แล้วต่างคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อประชาชนมากนัก เพราะนโยบายต่าง ๆ สามารถหาอ่านได้จากแผ่นพับของพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่ควรกำหนดรูปแบบในการดีเบทอย่างสร้างสรรค์และหลากหลาย อันจะเอื้อให้สาธารณชนเห็นถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ที่มีไหวพริบ สติปัญญา ภาวะความเป็นผู้นำ ตลอดจนมีแนวนโยบายของพรรคและอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาประเทศและสร้างสังคมแห่งความเจริญและสงบสุขอย่างแท้จริง

    



-------------------------------