เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ดูเหมือนว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาเพื่อการปฏิรูปการเมือง
จะไม่ได้มีบทบาทหลักเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น
แต่ยังมีหน้าที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจขาลง
อันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลทำให้ระดับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
การบริหารเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันมีข้อถกเถียงอยู่บางประเด็นว่า
รัฐบาลใหม่ควรใช้นโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยควรใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว
โดยการอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือไม่
ส่วนผสมของนโยบายการเงินการคลังในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ควรเป็นเช่นไร
สถานการณ์เศรษฐกิจในปี
2549
มีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี
เนื่องจากบรรดาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเกือบทุกตัวไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่
ทั้งด้านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
การบริโภคและการลงทุนของภาครัฐ
และการค้าระหว่างประเทศ
การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนที่จะชะลอตัวลง
เนื่องจากการขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ระดับราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น
ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ทำให้ภาคประชาชนชะลอการใช้จ่ายแต่ออมเงินมากขึ้น
ขณะที่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการชำระหนี้มากขึ้น
การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐไม่สามารถเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ได้มากนัก
เนื่องจากปัญหาทางการเมืองทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
ส่งผลทำให้การพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี
พ.ศ.2550
ต้องล่าช้ากว่าปกติประมาณ
1
ไตรมาส
และยังทำให้แผนการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต้องเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า
จากเดิมที่คาดว่าจะมีการลงทุนในโครงการดังกล่าวในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ภาคเศรษฐกิจระหว่างประเทศคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง
และเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดทุนของไทย
ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้รายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวชะลอตัว
แต่อาจจะทำให้การนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม
สินค้าไทยยังมีช่องทางส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าอื่น
ๆ
นอกเหนือจากสหรัฐฯ
เพราะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอื่น
ๆ
ยังขยายตัวได้ดีและค่าเงินในประเทศเหล่านั้นแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับค่าเงินบาท
การใช้นโยบายการเงินการคลังในภาวะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านอุปทาน
(Supply
shock)
นับว่ามีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
เพราะการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอีกซึ่งเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ขณะที่การใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งชะลอตัวลงอีก
ในความเห็นของผม
การใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากจนเกินไปเป็นนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพและจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในปัจจุบันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
เพราะปัญหาเงินเฟ้อในปัจจุบันเกิดขึ้นจากแรงผลักด้านต้นทุน
(cost
push
inflation)
จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
นอกจากนี้
ประชาชนและผู้ประกอบการยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคต
จึงไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวจนเกินไปเพื่อควบคุมการใช้จ่ายและการบริโภคของภาคเอกชน
เพราะการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนจะชะลอตัวลงในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันประเทศไทยไม่จำเป็นมากนักที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้ทันกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ
เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน
เงินลงทุนระยะสั้นกำลังไหลเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากจนอาจเป็นผลเสียต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวได้
ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องป้องกันการไหลออกของเงินทุนโดยการขึ้นดอกเบี้ยสูงจนเกินไป
แต่น่าจะยอมให้เงินลงทุนระยะสั้นที่ไหลเข้ามาชะลอตัวลงบ้าง
เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินและเพื่อกระตุ้นการส่งออก
ยิ่งไปกว่านั้น
อัตราดอกเบี้ยที่ยิ่งสูงขึ้นจะเป็นอันตรายต่อประชาชนรากหญ้า
เนื่องจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่ผ่านมาซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างง่ายดาย
จนทำให้หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอาจจะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนลดลง
และอาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียตามมาอีก
ส่วนนโยบายการคลังนั้น
รัฐบาลใหม่ควรยอมรับว่าอาจมีความจำเป็นที่จะต้องยอมจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลได้บ้าง
เพราะภาครัฐยังสามารถใช้เครื่องมือทางการคลังบางส่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงชั่วคราว
เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตในประเทศ
นอกจากนี้
รัฐบาลใหม่ควรยกเลิกเงื่อนไขที่ระบุว่า
รัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์เองทั้งหมด
และเงื่อนไขที่ให้ต่างชาติเข้ามาประมูลก่อสร้างแบบไม่มีทีโออาร์
(TOR)
แต่ควรผลักดันบางโครงการที่ได้มีการศึกษาและออกแบบไว้แล้ว
เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในเวลานี้
สำคัญที่สุด
คือการประสานงานระหว่างผู้ที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายการเงินและการคลัง
เพื่อให้การกำหนดส่วนผสมของนโยบายการเงินการคลังอย่างสมดุล
และมิควรออกมาให้ความเห็นโต้แย้งกันเชิงนโยบาย
ซึ่งยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับการบริหาร
เศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาล
|