เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
รัฐธรรมนูญฉบับ
2540
ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนมีส่วนร่วมทางการเมือง
“ทางตรง”
2
เรื่อง
อันได้แก่
การยื่นเสนอกฎหมาย
(มาตรา
170)
และการยื่นเสนอถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(มาตรา
304)
อันเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในสังคมไทย
นับตั้งแต่
รธน.
มีผลบังคับใช้
รวมระยะเวลา
9
ปี
ปรากฏว่า
มีประชาชนมาร่วมลงชื่อกันเพื่อยื่นเสนอร่างกฎหมาย
และถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งต่าง
ๆ
รวมทั้งสิ้น
20
กรณี
แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีเรื่องใดประสบความสำเร็จตามความต้องการของประชาชนเลย
อีกทั้ง
การล่ารายชื่อ
5
หมื่นคนให้สำเร็จนั้น
กลับเป็นภารกิจอันยุ่งยากของประชาชน
ไม่เพียงเท่านี้
หลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขในการที่ประชาชนจะเข้าชื่อร้องขอนั้นนับว่า
ก่อให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
จึงขอเสนอให้แก้ไข
รัฐธรรมนูญ
เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
โดยเสนอว่า
10,000
ยื่นเสนอร่างกฎหมายได้
เสนอว่า
ควรลดจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงเหลือเพียง
10,000
คน
มีสิทธิเข้าชื่อในการยื่นเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิ
เสรีภาพ
และแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่า
ประชาชนกลุ่มต่าง
ๆ
ที่อาจเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพ
ตัวแทนคนกลุ่มน้อย
หรือคนด้อยโอกาสในสังคม
ควรได้รับสิทธิในการยื่นเสนอกฎหมายได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้
เพื่อให้ร่างกฎหมายของภาคประชาชนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีพลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา
เสนอว่า
อาจจำกัดเฉพาะกรณีที่
ส.ส.ไม่ได้เสนอร่างกฎหมายในเรื่องเดียวกัน
หรือมีประเด็นในร่างกฎหมายบางเรื่องที่ประชาชนไม่เห็นด้วย
และอาจเพิ่มเงื่อนไขในการพิจารณาถึงความเหมาะสมของประชาชนผู้เสนอกฎหมายด้วย
20,000
ยื่นเสนอถอดถอนได้
เสนอว่า
ควรลดจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงเหลือ
20,000
คน
เนื่องจากเห็นว่า
ไม่มีความแตกต่าง
เพราะประชาชนมีสิทธิเพียงการยื่นเสนอเท่านั้น
แต่ไม่สามารถมีอำนาจบังคับใด
ๆ
ทั้งสิ้น
อีกทั้ง
การกำหนดจำนวน
20,000
คน
ไม่น้อยเกินไปในการแสดงพลังประชาชนในการเข้าร่วม
ขณะเดียวกันก็ไม่มากเกินไป
จนกลายเป็นความล่าช้าในกระบวนการตรวจสอบรายชื่อ
จำนวนนี้จึงน่าจะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
ลดขั้นตอนตรวจสอบที่ยุ่งยาก
ทั้งนี้
เพื่อเป็นการป้องกันการแอบอ้างรายชื่อที่ไม่ถูกต้อง
จึงควรใช้หลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการตรวจสอบแบบเดิม
แต่เสนอว่าควรตัดเงื่อนไขคุณสมบัติเรื่องการเสียสิทธิทางการเมืองออกไป
เนื่องจากเห็นว่า
สิทธิในการถอดถอนผู้แทนของตนเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยควรกำหนดให้ประชาชนทุกคนสามารถทำได้โดยไม่ควรไปจำกัดด้วยเงื่อนไขใด
ๆ
อย่างไรก็ตาม
หากต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง
ทั้งในการยื่นเสนอกฎหมายและในการตรวจสอบถ่วงดุลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประสบความสำเร็จ
จำเป็นต้องพิจารณาทั้งกระบวนการ
โดยเฉพาะต้องแก้ปัญหาสำคัญ
“วุฒิสภาควรมีอำนาจถอดถอนต่อไปหรือไม่?”
“ป.ป.ช.จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร?”
“ทำอย่างไรไม่ให้ร่างกฎหมายที่ประชาชนเสนอเป็นเพียงเศษกระดาษที่ถูกละเลย?”
เพื่อให้
“พลังประชาชน”
ขับเคลื่อนตามกลไกที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มิใช่เป็นเพียงพลังที่ฝ่ายการเมืองไม่ได้ให้ความสำคัญ
ไม่ใส่ใจที่จะรับรู้เช่นที่ผ่านมา
|