เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ความพยายามเดินหน้าปฏิรูประบบสังคมและเศรษฐกิจของประเทศเวเนซูเอลา
ให้เป็นสังคมนิยมอย่างเต็มตัวใกล้ประสบความสำเร็จ
โดยเมื่อ
31
มกราคมที่ผ่านมา
สมาชิกสมัชชาแห่งชาติได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์
รับรองกฎหมายมอบอำนาจให้ประธานาธิบดี
ฮูโก
ชาเวซ
สามารถออกกฎหมาย
ซึ่งจะเปิดทางให้เขาสามารถเดินหน้าปฏิรูประบบสังคมนิยม
โดยก่อนหน้าเขาได้ประกาศยึดกิจการโทรคมนาคม
ไฟฟ้า
น้ำมัน
และก๊าซธรรมชาติกลับมาเป็นของรัฐแล้ว
กฎหมายดังกล่าวเปิดทางให้ประธานาธิบดีชาเวซ
มีอำนาจมากที่สุดนับตั้งแต่บริหารประเทศมา
หลายฝ่ายมองว่า
กฎหมายดังกล่าวถือเป็นการโน้มเอียงสู่ระบอบเผด็จการและให้อำนาจผู้นำโดยไม่มีการตรวจสอบ
ซึ่งการดำเนินระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมนั้น
หมายถึง
การปฏิเสธความเป็นทุนนิยม
ซึ่งสวนกระแสเศรษฐกิจเสรี
การตัดสินใจของเขาจะเป็นเครื่องพิสูจน์แนวทางของลัทธิสังคมนิยมว่า
จะนำประเทศเวเนซูเอลาให้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ
และให้ประเทศอื่น
ๆ
เอาเยี่ยงอย่างได้หรือไม่
ระบบเศรษฐกิจตามแนวทางสังคมนิยมมีลักษณะอย่างไร
?
แนวคิดสังคมนิยมเป็นไปในลักษณะที่ตรงข้ามกับระบบทุนนิยม
เราอาจพูดได้ว่า
ระบบสังคมนิยมเกิดขึ้นมาเพื่อต่อต้านระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
เนื่องจากผู้ที่เชื่อในระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมองว่า
เศรษฐกิจแบบทุนนิยมนั้น
นายจ้างคือผู้ครอบครองปัจจัยการผลิต
ได้แก่
ที่ดิน
ทุน
และการประกอบการ
ส่วนแรงงานมีฐานะเป็นเพียงปัจจัยการผลิตอย่างหนึ่ง
แรงงานจึงต้องพึ่งพานายจ้าง
และด้วยจำนวนแรงงานที่มีอย่างมากมาย
จึงมักถูกกดขี่อย่างไร้มนุษยธรรม
นอกจากนั้น
การประกอบธุรกิจของเอกชนที่มุ่งแต่กำไรสูงสุด
อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบแก่สังคม
เช่น
ปัญหาการว่างงาน
อาชญากรรม
หรือปัญหาสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมนั้น
เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีการวางแผนเศรษฐกิจจากส่วนกลาง
โดยมีความเชื่อว่าหากรัฐบาลมีการวางแผนทางเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี
โดย
ไม่ปล่อยให้เอกชนดำเนินงานกันเอง
จะทำให้การจัดสรรทรัพยากรมีความเท่าเทียมกัน
และสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาสังคมได้
นอกจากนี้แล้ว
ภาครัฐบาลยังเข้ามาควบคุมกิจการที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคของประชาชน
อาทิ
ไฟฟ้า
ประปา
โทรศัพท์
ระบบคมนาคมและการขนส่ง
หรือแม้แต่ถนนหนทาง
เนื่องจากเป็นกิจการที่ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้
การที่รัฐบาลเข้ามาดูแลสาธารณูปโภคดังกล่าวย่อมเกิดผลดีแก่สังคมส่วนรวม
ปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้ประเทศเวเนซูเอลาต้องการปฏิเสธระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
แล้วหันมาปฏิรูปเศรษฐกิจของตนเอง
เนื่องจากผู้นำเวเนซูเอลาที่ไม่ดีในอดีตได้เปิดให้ต่างชาติโดยเฉพาะอเมริกาเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรน้ำมัน
และกิจการสาธารณูปโภคล้วนตกเป็นของต่างชาติแทบทั้งสิ้น
ความบาดเจ็บจากทุนนิยมที่ยาวนานดังกล่าวทำให้ประเทศเวเนซูเอลาหันตัวเองเข้าสู่สังคมนิยมอย่างเต็มตัว
ประเทศไทยจะปฏิเสธระบบทุนนิยมโดยไม่ต้องแข่งกับประเทศอื่นได้หรือไม่
ประเด็นเกี่ยวกับการแข่งขันทางเศรษฐกิจเป็นข้อถกเถียงเชิงปรัชญา
ซึ่งผมเห็นว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กไม่สามารถหลีกหนีจากการแข่งขันได้
แม้เราจะไม่อยากแข่งขันก็ตาม
และ
การเปิดประเทศให้มีการแข่งขันกับต่างประเทศเป็นสิ่งที่ดี
เพราะจะทำให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ
และสร้างโอกาสให้คนไทยในการทำอาชีพ
หรือดึงเงินทุน
เทคโนโลยี
และทรัพยากรจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ทำให้เศรษฐกิจกิจขยายตัว
แต่
ผลเสียคือผู้ประกอบการในประเทศบางส่วนจะได้รับผลกระทบเนื่องจากแข่งขันไม่ได้
ในทางตรงกันข้าม
หากเราเลือกที่จะปฏิเสธแนวทางทุนนิยมหรือปิดประเทศไม่ทำการค้ากับต่างประเทศ
และไม่ให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนแข่งขันกับคนในประเทศ
เศรษฐกิจของประเทศจะขาดประสิทธิภาพและล้าหลังเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่เปิดประเทศ
ดังตัวอย่างของประเทศเมียนม่าร์และเกาหลีเหนือ
ประชาชนจะยากลำบากในการดำรงชีพ
และขาดแคลนเงินทุนและทรัพยากรในการผลิต
เพราะทรัพยากรและเทคโนโลยีในประเทศไม่เพียงพอต่อการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม
ระบบเศรษฐกิจทั้งสองระบบย่อมมีข้อดี
-
ข้อเสียแตกต่างกัน
ผมคิดว่า
ประเทศไทยไม่พร้อมที่จะเปิดเสรีอย่างสุดกู่หรือเน้นความเท่าเทียมกันทุกเรื่อง
เพราะอาจจะละเลยความสามารถของคนที่แตกต่างกัน
ทางที่เหมาะสมควรนำข้อดีของทั้งสองระบบมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศให้เหมาะสม
|
ด้วยเหตุนี้
ผมจึงได้เสนอแนวคิด
ในหนังสือ
“
เศรษฐกิจกระแสกลาง
”
ของผมเมื่อปีพ.ศ.
2543
ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของคนในประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันได้
อันจะทำให้คนไทยไม่ขาดแคลนสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อความอยู่รอด
ส่วนสินค้าชนิดอื่นควรเปิดให้แข่งขันเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประเทศ
ขณะที่กลุ่มคนที่แข่งขันไม่ได้
เราควรจัดให้ระบบเศรษฐกิจที่ปกป้องจากการแข่งขัน
คือการผลิตเพื่อการบริโภคเอง
รวมทั้งจัดระบบสวัสดิการสังคมเพื่อช่วยเหลือในยามที่เผชิญวิกฤตการณ์ในชีวิต
การกำหนดทิศทาง
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไม่ควรเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามกระแสของสังคม
หรือเป็นการเหวี่ยงไปหาระบบที่สุดโต่งอีกขั้วหนึ่งเมื่อผิดหวังหรือบาดเจ็บจากอีกระบบหนึ่ง
แต่
ควรเกิดจากการถกเถียงของประชาชนทุกกลุ่มในสังคมด้วยเหตุผลจนเกิดฉันทานุมัติในสังคม
โดยไม่ทิ้งข้อดีของระบบใดระบบหนึ่ง
แต่ประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศ
|