เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ประเด็นสำคัญในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประการหนึ่ง
ได้แก่
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
(party
list)
ยังควรมีและจำเป็นต่อสังคมการเมืองไทยต่อไปอีกหรือไม่?
หลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นทั้งในมุมเห็นว่า
ควรมีต่อไป
และเห็นว่า
ควรยกเลิก
ซึ่งสำหรับประเด็นนี้
ในทัศนะของผม
คิดว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
นั้นยังคงมีความสำคัญ
เพราะมีข้อดีหลายประการ
อาทิ
1.
เปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
มีชื่อเสียงและประสบการณ์เข้ามาทำงานการเมือง
ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้
อาจไม่มีความถนัดในการลงพื้นที่หาเสียงหรือไม่มีฐานเสียงในพื้นที่มากเพียงพอ
ทั้ง ๆ
ที่มีความปรารถนาเข้ามาทำงานเพื่อช่วยพัฒนาประเทศชาติ
ดังจะเห็นได้จากการเลือกตั้งเมื่อปี
2544
และ
2548
ที่มีบุคลากรดังกล่าวจำนวนมากสนใจและลงสมัครรับเลือกตั้งในพรรคการเมืองต่าง
ๆ
ซึ่งทำให้มีผู้แทนราษฎร
ที่มีประสบการณ์ในบริหารงานระดับชาติ
ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ตลอดจนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงเข้ามาทำงานทางการเมืองและบริหารประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บุคลากรดังกล่าวได้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบในการคิดและผลิตเป็นนโยบายของพรรคซึ่งจะกลายเป็นนโยบายในการบริหารประเทศหากได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
2.
คะแนนเสียงสะท้อนคะแนนนิยมพรรคได้อย่างสมเหตุสมผล
การมีผู้สมัครแบบปาร์ตี้ลิสต์จะทำให้ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีค่าโดยนำมาคิดเป็นสัดส่วนที่นั่งที่พรรคการเมืองควรจะได้
กล่าวคือ
เมื่อประชาชนลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งคะแนนนั้นจะไม่สูญหายไปแต่จะนำมารวมเป็นคะแนนทั้งประเทศ
หลังจากนั้นจึงนำมาคิดสัดส่วนจำนวนที่นั่ง
ส.ส.
ที่พรรคการเมืองนั้นควรจะได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ขณะที่การเลือกตั้งแบบเดิมก่อนปี
2540
คะแนนเสียงของเราจะไม่ถูกนับหรือถูกปัดทิ้งไปอย่างไร้ค่าหากผู้สมัครที่เราลงคะแนนเสียงเกิดแพ้คู่แข่งขันอื่น
ทำให้ไม่สะท้อนคะแนนนิยมที่ได้รับจากประชาชนอย่างแท้จริง
3.
ขยายพื้นที่ทางการเมืองให้คนรุ่นใหม่
ดังจะเห็นได้ว่านักการเมืองอาวุโสที่เป็นผู้แทนมาหลายสมัยในเขตเลือกตั้งของจังหวัดต่าง
ๆ
มักผันตนเองมาลงสมัครในแบบบัญชีรายชื่อ
ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่อุทิศตนทำงานให้กับท้องถิ่น
ได้มีโอกาสลงสมัครเลือกตั้งและเข้ามาทำงานทางการเมืองระดับชาติแทนนักการเมืองอาวุโส
4.
เปิดพื้นที่ให้กับพรรคขนาดเล็กให้มีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร
หากเราแก้ไขสัดส่วนของจำนวน
ส.ส.
ที่พรรคควรได้รับตามที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งจาก
5%
ให้ลดลงเหลือเพียง
1
– 3%
หรืออาจคำนวณสัดส่วนจากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ
เช่น
สัดส่วนของ
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
1
คน
(กำหนดให้มี
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน
100
คน)
จะต้องได้คะแนนเสียงประมาณ
300,000
เสียง
ตัวเลขนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้กลุ่มตัวแทนของคนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มผลประโยชน์ได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งในระบบนี้จะช่วยให้พรรคที่เป็นตัวแทนของคนกลุ่มน้อยหรือตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์เฉพาะด้านมีโอกาสได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์
เป็นปากเป็นเสียงหรือเสนอกฎหมายเฉพาะด้านให้กับท้องถิ่น
ภูมิภาคและกลุ่มผลประโยชน์ต่าง
ๆ
5.
ส่งเสริมให้การเมืองของประเทศไทยในอนาคตเข้มแข็ง
ทั้งนี้
เนื่องจากการเมืองจะพัฒนาได้ต้องประกอบด้วย
2
ส่วน คือ
พรรคการเมืองและภาคประชาชน
การเลือก
ส.ส.
ระบบบัญชีรายชื่อสะท้อนการเลือกพรรคหรือนิยมชมชอบในพรรคนั้น
ซึ่งจะส่งเสริมให้พรรคต้องมีนโยบายที่ประชาชนเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
และส่งเสริมให้ประชาชนสนใจในการดำเนินนโยบายของพรรคมากขึ้น
อันเป็นจุดเริ่มต้นอันดีในการนำประชาชนไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
หากพิจารณาในข้อดีของการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อแล้ว
น่าจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อการเมืองไทยมากกว่าที่จะตัดทิ้งไป
หากเพียงแต่เราต้องใคร่ครวญเพื่อหาทางอุดช่องว่างของปัญหาที่เกรงว่าจะซ้ำรอยอดีตที่ผ่านมา
|