เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
หลังจากศาลปกครองได้ตัดสินกรณีไอทีวี
สังคมมุ่งประเด็นความสนใจต่อการตัดสินใจของรัฐว่าจะดำเนินการกับไอทีวีต่อไปอย่างไร
เพื่อคงเจตนารมณ์ในการจัดตั้งไอทีวีให้เป็นทีวีเสรี
โดยข้อเสนอการดำเนินการกับไอทีวีแบ่งเป็น
2
แนวทางหลัก
คือการทำให้เป็นทีวีสาธารณะ
หรือการให้สัมปทานกับเอกชนรายใหม่
ทางเลือกที่หนึ่ง…ทีวีสาธารณะ
แนวคิดสื่อสาธารณะ
ที่กำหนดให้ไอทีวีเป็นหน่วยงานอิสระที่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐ
จะทำให้ไอทีวีสามารถทำสื่อเพื่อสังคมได้เต็มที่
และคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาดำเนินกิจการโทรทัศน์ได้
อย่างไรก็ตาม
ข้อจำกัดของสื่อสาธารณะคือไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
แต่ต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐ
เราจึงไม่อาจรับประกันได้ว่า
จะไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง
เพราะรัฐบาลอาจแทรกแซงทางอ้อมได้โดยผ่านการจัดสรรงบประมาณ
และผ่านการคัดเลือกบุคคลเข้าไปเป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์
ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง
ๆ
เพื่อให้ทีวีสาธารณะมีความเสรี
แต่ในอดีตองค์กรอิสระจำนวนมากที่มีข้อสงสัยว่าถูกแทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง
หรือปัญหาการใช้ตัวแทนถือหุ้น
(นอมินี)
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการถือหุ้น
รวมทั้งกรณีการแทรกแซงไอทีวีด้วย
ทางเลือกที่สอง…ทีวีสัมปทาน
ผมเห็นว่า
การเปิดประมูลสัมปทานเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ของการทำทีวีเสรีได้เกือบครบถ้วน
ไม่ว่าจะเป็น
การได้ผู้ที่มีศักยภาพในการทำสื่อทีวี
การทำสื่อเพื่อสังคม
ความสามารถเลี้ยงตัวเองได้
และปราศจากการแทรกแซงจากรัฐ
หากกระบวนการประมูลมีความโปร่งใส
และมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในสัญญาอย่างรัดกุม
อย่างไรก็ตาม
การให้สัมปทานไม่อาจทำให้การทำทีวีมีความเป็นเสรีได้จริง
เพราะนโยบายการทำสื่อย่อมได้รับอิทธิพลจากนายทุนผู้ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ
หรือผู้ที่สนับสนุนเงินทุนแก่สถานีโทรทัศน์
ทางเลือกที่สาม…ตลาดแข่งขันเสรีของสื่อทีวี
ผมเห็นว่า
รูปแบบ
“ทีวีเสรี”
ที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่ความพยายามทำให้ทีวีเพียงสถานีใดสถานีหนึ่งมีความเป็นเสรี
เป็นกลาง
และไม่ถูกแทรกแซง
ซึ่งเป็นไปได้ยากมากและมีต้นทุนการกำกับดูแลสูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น
ไม่มีใครตัดสินได้ว่า
ทีวีช่องใดที่มีเสรีภาพในการให้ข้อมูลข่าวสารหรือมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง
แต่ทีวีเสรีในความเห็นของผม
คือ
“ตลาดแข่งขันเสรีของสื่อทีวี”
ซึ่งเปิดโอกาสกลุ่มผลประโยชน์ต่าง
ๆ
เข้าถึงและใช้ทีวีเป็นเครื่องมือในการสื่อสารจุดยืนของตนได้อย่างเต็มที่
สื่อทีวีไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แต่มีช่องทีวีจำนวนมาก
โดยประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า
จะเลือกบริโภคข้อมูลข่าวสารจากสื่อใด
ข้อเสนอของผมคือ
การจัดสรรทรัพยากรคลื่นโทรทัศน์เสียใหม่
จากเดิมที่รัฐให้สัมปทานทั้งช่องสัญญาณแก่เอกชนรายเดียว
เปลี่ยนเป็นรูปแบบการจัดสรรคลื่นโทรทัศน์เป็นตามช่วงเวลาเพื่อกระจายเวลาให้เอกชนได้หลายรายมากขึ้น
อาทิ
ช่วงเวลาตั้งแต่
06.00-08.00
น. ,
ช่วงเวลา
08.00-10.00
น.
เป็นต้น
หรือการเปิดโอกาสให้มีฟรีทีวีมากกว่าที่เป็นอยู่
ซึ่งในเชิงเทคนิค
ยังมีช่องสัญญาณที่สามารถเปิดฟรีทีวีช่องใหม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันกันในการทำสื่อโทรทัศน์มากขึ้น
กลไกการจัดสรรคลื่นโทรทัศน์อาจกำหนดโควต้าเวลาให้กลุ่มผลประโยชน์สำคัญ
ๆ เช่น
การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ช่องการเมือง
โดยพรรคการเมืองต่าง
ๆ
ได้เวลาในการทำรายการ
การจัดสรรเวลาให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล
เป็นต้น
นอกจากนี้
ควรมีการจัดทำดัชนีชี้วัดคุณภาพของรายการทีวีและสร้างกลไกการอุดหนุนรายการทีวีที่มีคุณภาพ
โดยอาจเก็บรายได้จากรายการบันเทิงเพื่ออุดหนุนรายการที่มีสาระ
แนวคิดทีวีเสรีจึงไม่ใช่การทำให้ทีวีช่องใดช่องหนึ่งมีความเป็นกลาง
เพราะเกิดขึ้นจริงได้ยาก
แต่หากเกิดจากการทำให้ช่องทีวีมีจำนวนมาก
แม้แต่ละช่องจะไม่มีความเป็นกลาง
แต่สังคมจะมีทางเลือกที่หลากหลายในการรับข้อมูลข่าวสาร
|