Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


เก็บแป๊ะเจี๊ยะอย่างไร เข้าข่ายเหมาะ
How to collect an educational extra-fee

 

13 พฤศจิกายน 2549

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                     

                 การกำหนดแนวทางรับนักเรียนใหม่ปีการศึกษา 2550 กระทรวงศึกษาธิการได้ชูประเด็นเรื่อง ค่าแป๊ะเจี๊ยะ ของโรงเรียนรัฐบาล เพื่อหาแนวทางป้องกันและกำจัดระบบดังกล่าว ทั้งนี้โรงเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิกค่าแป๊ะเจี๊ยะไปหมด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะทำการสรุปจากความคิดเห็นของโรงเรียนต่าง ๆ ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่ากระทรวงศึกษาธิการ จะตัดเงินส่วนนี้ให้หมดไปจากระบบ โดยไปเพิ่มสัดส่วนของการสอบแข่งขันจากเดิมมีร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 50 และจับฉลากอีกร้อยละ 50 แต่หากโรงเรียนใดมีความจำเป็นต้องเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะ ยังคงสามารถทำได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่ดีเพียงพอ

ค่าแป๊ะเจี๊ยะ เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวถึงมากทุก ๆ ช่วงใกล้เปิดเรียน นับเป็นปัญหาที่แยกจากกันไม่ได้ระหว่าง การศึกษา กับ ค่านิยม โดยผู้ปกครองยอมลงทุนการศึกษาจำนวนมาก เพื่อแลกกับที่นั่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง การแก้ไขปัญหา แป๊ะเจี๊ยะ มิใช่เรื่องงานเพราะเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อน และฝังรากลึกในสังคมไทยมานาน แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก โดยผมเสนอว่าการแก้ปัญหาแป๊ะเจี๊ยะให้สำเร็จได้จริง จำเป็นต้องเริ่มจากการกำหนดการจัดการที่เป็นระบบ มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และจำเป็นต้องสอดคล้องกับบริบทสังคมไทยที่ผู้ปกครองต่างอยากให้บุตรหลานเข้าเรียนในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง ในขณะที่คุณภาพในการจัดการศึกษาของแต่ละโรงเรียนมีความแตกต่างกัน โดยผมเสนอว่าดำเนินการอย่างเป็นลำดับใน 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 กำหนดกฎและระเบียบที่เกี่ยวกับการเก็บแป๊ะเจี๊ยะ

รัฐกำหนดระยะเวลาอนุญาตให้เก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะ โดยกำหนดว่าจะให้โรงเรียนกลุ่มนี้มีการเก็บแป๊ะเจี๊ยะอย่างถูกต้องไปในระยะยาวได้ต่อไปแต่ในสัดส่วนที่น้อยมาก หรือจะไม่ให้มีการเก็บแป๊ะเจี๊ยะเลย

โรงเรียนที่ต้องการรับแป๊ะเจี๊ยะแจ้งความจำนงต่อต้นสังกัด โดยมีเงื่อนไขว่าอัตราส่วนจำนวนผู้สมัครสอบเข้าเรียนต่อจำนวนเด็กที่จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะเข้ามาเรียน ต้องมีจำนวน 9:1 ซึ่งมาจากแนวคิดที่ว่า เด็กที่จะเข้ามาเรียนโดยการจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะ ต้องไม่เกินร้อยละ 5-10 ของที่นั่งเรียนทั้งหมดเพื่อไม่ให้ไปลดโอกาสการเข้าเรียนของเด็กที่สอบซึ่งจะกล่าวถึงในขั้นตอนที่ 2

คณะกรรมการสถานศึกษาร่วมกำหนดจำนวนเงินแป๊ะเจี๊ยะที่ต้องการ จากนั้นแจ้งกรมต้นสังกัดทราบ และอนุมัติ แล้วจึงขอดำเนินการรับบริจาคได้

จัดสรรค์สัดส่วนเด็กบริจาคอย่างเป็นธรรม ควรมีการกำหนดสัดส่วนเด็กที่จ่ายเงิน เช่น ไม่เกินร้อยละ 5-10 ของจำนวนที่นั่งในโรงเรียน

กำหนดให้เก็บในรูปแบบเงินบริจาคหรือกองทุนฯ สมทบเข้าบัญชีโรงเรียนเท่านั้น และไม่รับเป็นเงินสดสดแต่ต้องโอนผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยมีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน

การบริจาคเป็นไปโดยผู้ปกครองสมัครใจ โดยกำหนดตัวบุคคล หรือคณะที่รับและบริหารเงินบริจาคนี้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการทุจริต

ควรได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา ทั้งเรื่องการขอเข้าเป็นกลุ่มโรงเรียนที่รับผู้เรียนแบบจ่ายเงิน การกำหนดเพดานการเก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะ การกำหนดโควต้าที่นั่งผู้เรียนแบบจ่ายเงิน และการกำหนดกลุ่มผู้รับและบริหารเงินบริจาคนี้ และแจ้งผลใช้จ่ายเงินส่วนนี้อย่างชัดเจนให้ต้นสังกัด

กำหนดให้โรงเรียนแจ้งผลใช้จ่ายเงิน ให้แก่ต้นสังกัดให้ชัดเจน รวมถึงผู้ปกครอง และประชาชนทีต้องการทราบ เป็นการสร้างความรับผิดชอบ และมีมาตรการตรวจสอบการใช้เงินตามวัตถุประสงค์

ขั้นตอนที่ 2 การกำหนดสัดส่วนกลุ่มเด็กเข้าเรียนโดยจ่ายเงิน

 เด็กที่จ่ายเงินเพื่อเข้าโรงเรียนจะต้องน้อยมาก คือ ไม่ไปลดสิทธิและโอกาสการเข้าเรียนของเด็กที่สอบได้มากนัก เช่น ในระยะสั้นอาจกำหนดโควต้าเด็กจ่ายเงินเพื่อเข้าเรียนร้อยละ 5 ถึง 10 ของที่นั่งเรียน อย่างไรก็ตาม ควรแยก กลุ่มเด็กที่จ่ายเงินเข้าเรียน กับ กลุ่มเด็กของผู้มีอุปการคุณ ออกจากกัน และให้มีการจัดระเบียบแป๊ะเจี๊ยะแก่กลุ่มผู้มีอุปการคุณนี้ด้วย ขั้นตอนที่ 3 การกำหนดขั้นตอนและรูปแบบการคัดเลือกกลุ่มเด็กที่จ่ายเงินเข้าเรียน

ขั้นตอนย่อยที่ 1 การให้กลุ่มเด็กจะจ่ายเงินเข้าเรียนได้มีโอกาสสอบแข่งขัน การจับฉลาก พิจารณาผลการเรียน และความสามารถพิเศษก่อน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยยังไม่มีการให้จ่ายเงินเข้าเรียนในรอบนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครสอบทุกกลุ่มมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเข้าเรียน

ขั้นตอนย่อยที่ 2 วิธีการคัดเลือกกลุ่มเด็กที่จ่ายเงินเข้าเรียน ซึ่งรอบ 2 เป็นรอบที่ไว้สำหรับเด็กจ่ายเงิน 50 ที่นั่ง (ไม่เกิน 5-10%ของที่นั่งเรียนทั้งหมด) ที่สอบไม่ติดในรอบแรก

) จ่ายเงินเท่ากันและแข่งขัน โรงเรียนแจ้งไปยังผู้ที่สอบไม่ผ่านในรอบแรก ให้เสนอความจำนงในเข้าเรียนรอบสอง โดยมีเงื่อนไขว่า การสอบรอบสองจะต้องให้บริจาคเงินด้วย โดยกำหนดอย่างชัดเจนว่า 50 คนนี้ต้องจ่ายคนละเท่าใด

) ประมูลโดยกำหนดจำนวนคน โดยการคัดเลือก 50 คนนี้ จะจัดให้ผู้เรียนเสนอตัวเลขเงินบริจาคมายังคณะกรรมการสถานศึกษา หรือผู้บริหารจัดการรับและดูแลเงินส่วนนี้ (ซึ่งแต่ละโรงเรียนต้องกำหนดขึ้นมาอย่างเป็นทางการ) ผู้ที่เสนอเงินบริจาคสูงสุด 50 คนแรก จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าเรียน

) ประมูลโดยกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการ เริ่มจากการให้โรงเรียนกำหนดเงินบริจาคที่ต้องการไว้อย่างชัดเจน เช่น ปีนี้ต้องการเงินบริจาคเพิ่ม 3 ล้านบาท โดยให้ผู้ต้องการเข้าเรียนในรอบ 2 หรือ 50 ที่นั่งนี้ เสนอตัวเลขเงินบริจาคเข้ามายังคณะกรรมการสถานศึกษา

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนควรดำเนินการดังนี้ควบคู่ไปด้วย  เช่น กลุ่มเด็กที่เข้ามาโดยการบริจาคเงินต้องสอบผ่านระดับคะแนนมาตรฐาน เด็กที่ได้เข้าเรียนในกลุ่มนี้ทุกคน ควรมีส่วนร่วมจ่ายค่าบริการเสริมต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย เพื่อไม่ผลักให้เป็นภาระแก่กลุ่มเด็กที่จ่ายเงินเข้าเรียนเท่านั้น และให้ทุนกลุ่มเด็กยากจนแต่เรียนดี

ขั้นตอนที่ 4 กำหนดแนวทางร่วมอื่น

ตัวอย่างเช่น การเก็บค่าเล่าเรียนลอยตัว การระดมเงินบริจาคสู่สถานศึกษา การสนับสนุนให้คณะกรรมการสถานศึกษาให้มีส่วนร่วมมากขึ้น การหามาตรการเก็บเงินเสริมพิเศษ แทนรูปแบบการเก็บแป๊ะเจี๊ยะ การสนับสนุนให้ผู้เรียนในโรงเรียนกลุ่มนี้สละสิทธิการขอรับเงินอุดหนุนรายหัว การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ปกครองเกี่ยวกับสิทธิของตนที่พึงได้รับ และมีช่องทางร้องเรียนหากพบว่าไม่โปร่งใส สร้างเครือข่ายผู้ปกครองที่เข้มแข็งในการร้องเรียน ตรวจสอบและมีส่วนร่วมตัดสิน รวมถึงการเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ถูกต้องของพ่อแม่ เช่น การมีค่านิยมส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนมีชื่อเสียง หรือการลงทุนเพื่อการเรียนของลูก อาทิ โรงเรียนอาจไม่ต้องดีที่สุด แต่ "พ่อแม่ต้องเป็นครูที่ดีที่สุด" เป็นต้น

ผมอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันมอง เรื่องการแก้ปัญหา แป๊ะเจี๊ยะ กับโรงเรียนดัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา ผ่านการมองจากหลากหลายมุมและพยายามหาทางออกที่เป็นไปได้ เพื่อแก้ปัญหา แป๊ะเจี๊ยะ ได้อย่างสมจริงสมจัง และสำเร็จได้
 

-------------------------------