เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การประชุมของคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.)
เพื่อพิจารณากรอบการทำงานตามประกาศห้ามโฆษณาแอลกอฮอล์ทางสื่อทุกชนิด
ได้ข้อสรุปว่า
อนุญาตให้โฆษณาภาพลักษณ์องค์กรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรม
ที่ไม่มีเจตนาส่งเสริมการดื่มฯ
โดยห้ามใช้ชื่อสินค้า
ตราสัญลักษณ์
และสโลแกนแต่ให้ใช้ได้เพียงชื่อบริษัทที่ไม่ตรงกับชื่อสินค้าโดยสามารถเผยแพร่ทางโทรทัศน์ได้ตลอด
24
ชั่วโมง
นอกจากนี้
กิจกรรมส่งเสริมการขาย
อาทิ
ลานเบียร์
ร้านอาหาร
สามารถมีพนักงานเชียร์เบียร์ได้
แต่ห้ามแต่งกายที่มีตราสินค้า
โดยสถานที่จำหน่ายที่มีการติดตั้งร่ม
โต๊ะ
ธงราว
หรืออุปกรณ์อื่น
ๆ
ให้ใช้สีเดียวกับสีของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ต้องไม่มีตราสัญลักษณ์
หรือถ้ามีจะต้องไม่เป็นสีเดียวกับที่ใช้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การที่กฎหมายเน้นไปที่การควบคุมการแสดงตราสัญลักษณ์สินค้าและยี่ห้อสินค้าเป็นหลัก
อาจเกิดจากการตั้งสมมติฐานว่า
หากไม่ให้ผู้บริโภคเห็นตราสัญลักษณ์และยี่ห้อสินค้า
หรือทำให้ผู้บริโภครับรู้ตราสินค้าในลักษณะที่เปลี่ยนไปเดิม
จะทำให้คนซื้อเหล้า-เบียร์น้อยลงไปเอง
แต่การเน้นเฉพาะการควบคุมการโฆษณาชื่อผลิตภัณฑ์และตราสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มมึนเมา
อาจเป็นเพียงมาตรการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของประชาชน
แต่ไม่อาจทำให้พฤติกรรมการดื่มเปลี่ยนแปลงไป
ทันทีที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้
เราจะได้เห็นความพยายามของบริษัทสุรา-เบียร์ในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของประชาชน
จากที่เคยรับรู้เครื่องหมายการค้าและชื่อผลิตภัณฑ์
เปลี่ยนแปลงเป็นการรับรู้ในรูปแบบอื่น
ๆ เช่น
สีสรรที่สะดุดตา
อุปกรณ์ตบแต่งสถานที่ที่มีเอกลักษณ์
ตัวการ์ตูน
คำพูด
เป็นต้น
นอกจากนี้
การห้ามออกชื่อสินค้าทางโทรทัศน์
แต่อนุญาติให้ออกชื่อบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มมึนเมาได้นั้น
จะทำให้ผู้ผลิตเครื่องดื่มมึนเมาพยายามสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างชื่อบริษัทกับชื่อสินค้า
โดยก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
บริษัทผู้ผลิตเหล่านี้อาจเร่งระดมยิงโฆษณา
เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ให้กับนักดื่ม
โดยการสอดแทรกชื่อบริษัทของตนลงไปในโฆษณาให้มากที่สุด
เพื่อทำให้คนทั่วประเทศทราบว่าบริษัท
ใดขายเหล้า-เบียร์ยี่ห้ออะไร
การห้ามโฆษณาชื่อผลิตภัณฑ์และตราสัญลักษณ์เหล้า-เบียร์จึงเป็นเพียงเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้
แต่ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ผมจึงเห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องระมัดระวังในการปิดช่องว่างของมาตรการดังกล่าว
รวมทั้งดำเนินมาตรการด้านสื่อและด้านอื่น
ๆ
เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับทัศนคติของประชาชนควบคู่ไปด้วย
|