เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การปฏิรูปการศึกษากลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังจากที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมต.ว่าการกระทรวงศึกษาคนใหม่เข้ามาทำงาน
ที่ผ่านมาได้มีการประชุมผู้เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาเพื่อระดมความคิดเห็นในนโยบายและมาตรการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาสู่การปฏิบัติ
ที่จังหวัดเพชรบุรี
ประเด็นที่ผมสนใจมากคือ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กำหนดไว้ว่า การอบรมครูต้องมีความสมดุลมากขึ้น
ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่าการอบรมต้องมีลักษณะเป็นคอร์สมากขึ้น
กำหนดให้ครูมีช่วงเวลาการในการอบรม และสร้างเครือข่ายในการพัฒนาครู
ผมเห็นด้วยกับแนวทางที่ที่ประชุมได้เสนอ
หลายปีก่อนหน้านี้ผมได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการฝึกอบรมครู
โดยมีจุดเน้นอยู่ที่การใช้ กลไกตลาด (market
mechanism) โดยให้มีการสร้างอุปสงค์ (demand)
และ อุปทาน (supply)
ของการฝึกอบรม เพื่อกำหนดปริมาณ รูปแบบ ลักษณะ
และราคาของการฝึกอบรม ซึ่งมีแนวทางที่เสนอไป ดังนี้
การจัดการด้านอุปสงค์ของตลาดการฝึกอบรม
โดยสร้างคลังหลักสูตร และใช้ระบบ
module
ให้ครูแต่ละคนเลือกรายวิชาต่าง ๆ ที่ตนสนใจเรียนจากคลังหลักสูตร
เพื่อมาประกอบกันเป็นหลักสูตร ที่เฉพาะสำหรับครูแต่ละคน
ซึ่งช่วยให้ครูได้เรียนในวิชาที่สนใจ และตรงตามความต้องการที่แท้จริง โดยรัฐบาลควรกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของครูแต่ละตำแหน่ง
อาทิ
กำหนดคุณสมบัติของบุคลากรแต่ละตำแหน่งว่าควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์ด้านความรู้
เกณฑ์ด้านทักษะความสามารถ เกณฑ์ด้านลักษณะชีวิตและคุณธรรม จริยธรรม
และเกณฑ์ด้านบุคลิกภาพ
เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ครูแต่ละคนเลือกรายวิชาที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน
และพัฒนาจุดที่ตนเองบกพร่อง ทั้งนี้อาจจัดให้มีที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำว่า
แต่ละคนควรเลือกจัด module ของตนเองอย่างไร
การจัดการด้านอุปทานของตลาดการฝึกอบรม
โดยการสร้างการแข่งขันระหว่างหน่วยงานที่ให้การฝึกอบรม
โดยครูแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานในสังกัดของตนเท่านั้น
และอนุญาตให้แสวงหาการฝึกอบรมจากหน่วยงานอื่น ๆ ได้ด้วย
ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน หากหน่วยงานใดสามารถจัดฝึกอบรมได้ดี
มีวิชาที่น่าสนใจ มีวิทยากรที่มีคุณภาพ
มีวิธีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่นำไปใช้ในการทำงานได้จริง
ย่อมจะดึงดูดผู้รับการฝึกอบรมได้มาก
ทั้งนี้รัฐบาลอาจพิจารณาเกี่ยวกับการแยกหน่วยงานฝึกอบรมของรัฐให้ทำงานได้อย่างเป็นอิสระและคล่องตัวในการแข่งขัน
แต่ยังคงเป็นส่วนราชการ และได้งบประมาณการจัดฝึกอบรมจากงบประมาณแผ่นดิน
แต่ในสัดส่วนที่น้อยกว่าเดิม โดยพึ่งพิงรายได้จากการฝึกอบรมเป็นหลัก
ยกเว้นวิชาที่จำเป็นและมีต้นทุนสูงรัฐอาจให้การอุดหนุนมากเป็นพิเศษ
นอกจากนี้รัฐบาลอาจกำหนดให้มีหน่วยงานกลางเพื่อตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของวิชาที่แต่ละหน่วยงานเสนอให้การฝึกอบรม
เพื่อรักษามาตรฐานของการฝึกอบรม
ทั้งนี้งบประมาณที่ครูแต่ละคนจะได้รับเพื่อนำไปใช้ในการฝึกอบรม
รัฐบาลอาจจัดตั้งในรูปของ กองทุนเพื่อการพัฒนาครู
และอาจจะจัดเป็นคูปองเพื่อให้ครูแต่ละคนสามารถนำไปใช้ในการฝึกอบรมได้ในแต่ละปี
โดยจัดสรรงบฝึกอบรมเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ
เงินฝึกอบรมที่พิจารณาจากความจำเป็นที่ครูแต่ละคนควรได้รับ
โดยได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้างาน ตามคำแนะนำของที่ปรึกษาด้านการฝึกอบรม
ส่วนที่สองเป็นเงินที่ครูทุกคนจะได้รับเพื่อให้มีสิทธิเลือกใช้สำหรับการฝึกอบรมตามความต้องการของตนเอง
หากครูไม่ใช้สิทธิในการฝึกอบรม เงินจำนวนดังกล่าวจะสะสมเข้ากองทุน
ส่วนค่าใช้จ่ายของการฝึกอบรมที่เกินจากสิทธิที่แต่ละคนได้รับ ครูจะต้องออกเอง
นอกจากนี้
รัฐบาลควรกำหนดมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้ครูมีความปรารถนารับการฝึกอบรมมากขึ้น
เช่น การใช้การฝึกรมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเลื่อนขั้นและเงินเดือน
กรอบแนวคิดใหม่ในการฝึกอบรมครูนี้
ผมมุ่งหวังที่จะสร้างกลไกใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาในปัจจุบัน
และกระตุ้นให้ครูตื่นตัวในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แนวทางใหม่ที่นำเสนอนี้
น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้ครูมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ต้องพึงระลึกเสมอว่าการฝึกอบรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ดังนั้นเราจึงควรใช้แนวทางอื่นควบคู่ไปด้วย
|