เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี
2549 ในมาตรา
4
งบกลาง เมื่อวันที่
31
สิงหาคม 2548
ผมได้อภิปรายขอตัดงบประมาณลงร้อยละ 29.78
หรือลดลง 76,300
ล้านบาท โดยขอตัดใน 3
รายการ
ซึ่งมีรายละเอียดในการขอแปรญัตติในแต่ละรายการ ดังต่อไปนี้
ค่าใช้จ่ายพัฒนาศักยภาพชุมชน (SML)
งบประมาณปี 49
ที่จัดสรรในโครงการ SML
มีจำนวน 19,100 ล้านบาท
ผมขอแปรญัตติปรับลดลงร้อยละ 47.64
เหลือเพียง 10,000
ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลจัดงบประมาณสูงเกินกว่าแผนที่กำหนดไว้
โดยแผนการดำเนินงาน SML
แบ่งเป็นหมู่บ้าน 3 ขนาด
รวมงบประมาณที่ต้องใช้ในโครงการ SML
ทั้งสิ้น คือ 17,587
ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
มีการจัดสรรงบประมาณในโครงการ SML
ไปแล้ว 9,253
ล้านบาท จึงขาดอีกเพียง
8,334
ล้านบาท
และเมื่อรวมกับโครงการที่เบิกจ่ายไม่ทันปีงบประมาณที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 5
น่าจะขาดงบอีกไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท แต่งบประมาณปี 49
กลับจัดสรรให้โครงการ
SML
สูงถึง 19,000
ล้านบาท
ทั้งนี้หากรัฐบาลจะจัดงบเพื่อดำเนินโครงการระยะที่ 2 ควรประเมินผลโครงการระยะที่ 1
เสียก่อน
และควรใช้เกณฑ์การพิจารณางบที่ครบถ้วนมากกว่าการจัดสรรตามขนาดหมู่บ้าน
รวมทั้งควรพิจารณาถึงบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
งบประมาณผู้ว่าฯ CEO
ผมได้ขอแปรญัตติตัดงบประมาณรายการนี้ออกทั้งหมด
เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณขาดประสิทธิภาพ
ในปีงบประมาณ 2548
มีการจัดสรรงบในโครงการนี้ทั้งสิ้น 15,000
ล้านบาท แต่เบิกจ่ายไปเพียงร้อยละ
0.4
หรือประมาณ 53.3
ล้านบาทเท่านั้น รัฐบาลควรดำเนินการเพื่อใช้งบของปี
48
ที่เหลืออยู่ให้หมดเสียก่อน และไม่ควรจัดสรรงบประมาณในปี
2549
เพิ่มขึ้นอีก
เพราะหากใช้ไม่ทันจะเป็นการเสียโอกาสในการใช้งบประมาณ อีกทั้งโครงการในงบผู้ว่า
CEO
ปี
2549
ยังเป็นเพียงโครงการกว้าง ๆ ขาดความชัดเจน นอกจากนี้รัฐบาลควรทบทวนนโยบายนี้
เพราะเป็นการละเลยการสร้างความเข้มแข็งให้การปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการรวมศูนย์อำนาจเข้าสู่รัฐบาล
ขัดแย้งกับแนวคิดการกระจายอำนาจตามรัฐธรรมนูญ
ทำให้การปกครองท้องถิ่นยิ่งอ่อนแอมากขึ้น
งบประมาณเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง
ผมได้ขอแปรญัตติโดยตัดงบประมาณรายการนี้ออกทั้งหมดจากที่ตั้งไว้
27,200
ล้านบาท
เนื่องจากการตั้งงบประมาณขาดความชัดเจน
ไม่มีรายละเอียดโครงการที่จะนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้จ่าย
และยังไม่มีหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบ นอกจากนี้การเบิกจ่ายงบประมาณยังขาดประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกันกับปี 47
ที่มีการเบิกจ่ายเพียงร้อยละ 52.1
และปี
48
ที่เบิกจ่ายไปเพียงร้อยละ 20
ทำให้เสียโอกาสในการใช้งบประมาณ
ผมจึงเห็นว่าควรตัดงบประมาณใน 3
รายการนี้ เพราะมีปัญหาในเรื่อง
การกำหนดวงเงินงบประมาณที่เกินกว่าแผน การขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย
และข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิผลของการใช้งบประมาณ
|