เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากการที่ผมได้เสนอความคิดเห็นของผมส่งไปทางอีเมล์ให้กับมิตรสหาย
มีหลายท่านได้ให้ความสนใจ และแสดงความคิดเห็นและได้ถามคำถามกลับมา
ผมจึงอยากถือโอกาสตอบคำถามที่มิตรสหายของผมท่านหนึ่งได้ถามมาว่า
เป็นไปได้หรือไม่ที่ประเทศไทยจะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว?
ในความคิดของผม วิกฤติทางเศรษฐกิจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เราไม่ควรประมาท
แต่จะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่อาจบอกได้ชัดเจน
รวมทั้งระดับของความรุนแรงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยสาเหตุของวิกฤต
ซึ่งผมเห็นว่าภาวะปัจจุบันมีโอกาสที่จะเกิดวิกฤติได้มากขึ้น
และมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่อาจก่อให้เกิดวิกฤติได้
ปัจจัยภายในที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การดำเนินนโยบายของรัฐบาล
หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เพื่อมุ่งหวังแต่คะแนนเสียงทางการเมือง
แต่ละเลยเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในประเทศ
ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้
นโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่ผมเห็นว่าน่าเป็นห่วง คือ การดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็กต์
ซึ่งใช้งบประมาณมหาศาล แต่รัฐบาลกลับดำเนินการด้วยความรีบเร่ง
การรวบโครงการขนาดใหญ่เข้ามาไว้ในเวลา 5 ปีนั้น
ประเทศต้องนำเข้าเครื่องจักร สินค้าทุนจำนวนมาก ซึ่งผลที่จะเกิดขึ้น
อาจทำให้ประเทศต้องขาดดุลบัญชีเดินสะพัดรุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อย่างที่ผมได้อภิปรายในรัฐสภามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งในประเด็นนี้
นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านได้แสดงความเป็นห่วงเหมือนกับผมเช่นกัน
ขณะนี้แม้ยังไม่เริ่มโครงการ ประเทศไทยได้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแล้วเป็นเวลา 5 เดือน
จากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง และนโยบายการตรึงราคาและการอุดหนุนราคาน้ำมันของรัฐบาล
มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันในประเทศต่ำกว่าความเป็นจริง
ส่งผลให้มีการบริโภคและนำเข้าน้ำมันจำนวนมาก ประกอบกับการเปิดเขตการค้าเสรี
ซึ่งมีส่วนทำให้ไทยขาดดุลการค้ามากขึ้น และทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตามมา
ดังนั้นเมื่อเริ่มโครงการเมกะโปรเจ็กต์แล้ว
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะยิ่งมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น
ซึ่งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนี้จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
และท้ายที่สุดอาจนำมาซึ่งการชะลอตัวของการบริโภค การลงทุน การไหลออกของเงินทุน
และอาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจได้
ปัจจัยภายนอก เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และการที่สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างมาก
และเป็นการขาดดุลที่ต่อเนื่องยาวนาน
ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ภายในสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่
ปัจจัยดังกล่าวนี้อาจเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจในสหรัฐได้
และการที่เศรษฐกิจโลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อไทยและอาจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศได้เช่นกัน |