ความเข้าใจผิด 3
ประการเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า ความคุ้มค่าของโครงการ
รัฐเป็นผู้ดำเนินโครงการทั้งหมด และการกำหนดค่าโดยสาร 15
บาทตลอดสาย
อาจทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการได้รับประโยชน์จากโครงการ
หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีลม
จากสะพานตากสินถึงถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน
เป็นประเด็นโต้เถียงที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภายใต้กระแสการโต้แย้งระหว่างรัฐบาลกลางกับกรุงเทพมหานคร
ผมจึงขอเข้าร่วมในการถกเถียง เพราะพบความเข้าใจผิดบางประการ
ความคุ้มค่าของโครงการ
การตัดสินใจลงทุนในโครงการใด ๆ
ควรพิจารณาความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ของโครงการนั้น
โดยเปรียบเทียบกับโครงการทางเลือกอื่น ๆ แต่กระนั้น รัฐต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ
ด้วย เช่นหากโครงการมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่คุ้มทุนทางการเงิน
รัฐจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดหาเงินทุนและบริหารเสถียรภาพทางการคลัง
รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคด้วย ในกรณีส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม
หากบริษัทผู้รับสัมปทานมิได้ติดปัญหาใด ๆ
มีความเป็นไปได้ที่การลงทุนจะไม่คุ้มทุนทางการเงิน
ไม่เช่นนั้นบริษัทคงดำเนินการลงทุนไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า กทม.ไม่ควรลงทุนในโครงการนี้
เพราะหากพิจารณาสภาพการจราจรที่ติดขัด
และปริมาณผู้โดยสารที่ต้องเดินทางในเส้นทางดังกล่าวที่หนาแน่น
โครงการนี้น่าจะมีความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์สูง
รัฐเป็นผู้ดำเนินโครงการทั้งหมด
การกำหนดนโยบายให้รัฐเป็นผู้ลงทุนและดำเนินงานโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งการลงทุนก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่
และซื้อคืนรถไฟฟ้าที่มีการดำเนินการโดยภาคเอกชนมาเป็นของรัฐ
อาจเป็นความเข้าใจไม่ถูกต้องเท่าใดนัก หลักการที่สมเหตุสมผลคือ
รัฐควรทำสิ่งที่เอกชนทำไม่ได้หรือไม่ยินดีทำ และรัฐไม่ควรทำสิ่งที่เอกชนทำได้ดีกว่า
เพื่อที่รัฐจะนำงบประมาณไปลงทุนด้านอื่นที่จำเป็น หากเอกชนยินดีลงทุน
โดยรัฐสามารถเจรจาให้เอกชนคิดค่าโดยสารในราคาที่เป็นธรรมได้
ไม่มีความจำเป็นที่รัฐต้องดำเนินการเอง
แต่รัฐอาจกำหนดเงื่อนไขให้ทุกสายเป็นระบบและมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อให้เชื่อมต่อกันได้
ค่าโดยสาร
15
บาทตลอดสาย
การกำหนดค่าโดยสาร 15
บาทตลอดสาย
เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าได้มากที่สุด แม้เป็นวัตถุประสงค์ที่ดี
แต่ไม่ได้หมายความว่าสังคมจะได้รับประโยชน์สูงสุด
หรือทำให้สวัสดิการสังคมสูงที่สุดเสมอไป การที่ผู้โดยสารได้รับประโยชน์ส่วนบุคคล
และยินดีจ่ายมากกว่า 15
บาทโดยไม่เดือดร้อน
รัฐไม่จำเป็นต้องอุดหนุนในส่วนที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม
หากพิจารณาด้วยแนวคิดที่ว่า รถไฟฟ้าเป็นบริการที่จำเป็น รัฐอาจจะใช้วิธีผสม
คือเก็บค่าโดยสารตามระยะทาง แต่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำ
จะเปิดโอกาสให้ซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายในอัตราค่าโดยสารคงที่ตลอดสาย
ซึ่งเป็นวิธีที่ดำเนินการอยู่แล้วในรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการทั้ง
2
เส้นทาง
ทั้งนี้ผมไม่ได้หมายความว่ารัฐไม่ควรอุดหนุนผู้ใช้รถไฟฟ้า
หากการมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นประโยชน์ต่อสังคมภาพรวม
แสดงว่ารัฐควรอุดหนุนผู้ใช้รถไฟฟ้าด้วย ปัญหาอยู่ที่ว่า ณ
ระดับราคาเท่าไรที่จะทำให้สังคมได้รับประโยชน์สูงสุด ผมไม่ทราบว่าราคา
15
บาทตลอดสายจะเป็นระดับราคาที่เหมาะสมหรือไม่
แต่ผมไม่พบว่าหน่วยงานภาครัฐได้เคยมีการศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุน
ภายใต้เงื่อนไขค่าโดยสาร 15
บาทเลย
ความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า
อาจทำให้การตัดสินใจดำเนินโครงการหรือยับยั้งโครงการใด ๆ
ตั้งอยู่บนหลักการที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการได้รับประโยชน์จากโครงการ
หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว