เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเฝ้าจับตาเฝ้าดูว่าศาลปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญ
และศาลฎีกา
จะมีทางออกและคำวินิจฉัยเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองและการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไรนั้น
ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ
กรณีที่มีการยื่นให้ศาลปกครองพิจารณาเพื่อเพิกถอนพระราชกฤษฏีกายุบสภา
พ.ศ.2549
ซึ่งแม้ว่าศาลปกครองไม่รับคำฟ้องดังกล่าวไปแล้ว
และดูเหมือนว่าทางเลือกนี้จะไม่สามารถเป็นจริง
แต่หากสมมติว่าศาลปกครองรับคำฟ้องดังกล่าวและวินิจฉัยว่าพระราชกฤษฏีกายุบสภาไม่ถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและเพิกถอน
พ.ร.ฎ.ดังกล่าว
ผลที่จะเกิดขึ้นคือสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับประเทศไทย
เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
ประการแรก
การปฏิรูปการเมืองสามารถเดินหน้าได้ทันที
โดยไม่ต้องเสียเวลาเลือกตั้งและรอผลการเลือกตั้งใหม่
ซึ่งอาจใช้เวลาถึงสี่หรือห้าเดือน
(แต่อาจต้องรอการประกาศรับรองสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาให้ครบ
200
คนเสียก่อน)
และสามารถเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อปฏิรูปการเมืองได้ทันที
(แต่
พ.ต.ท.ทักษิณ
ควรจะเว้นวรรคทางการเมืองด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี)
โดยเริ่มต้นแก้ไขมาตรา
313
เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทย
ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากทุกจังหวัด
จากหลากหลายวิชาชีพ
และจากนักวิชาการ
เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หลังจากที่ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว
รัฐบาลสามารถยุบสภาได้ทันทีเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาและเงื่อนไขที่มีการปฏิรูปการเมืองแล้ว
ทางออกเช่นนี้ย่อมทำให้ประชาชนยอมรับและมั่นใจในโครงสร้างการเมืองใหม่ที่จะทำให้การเมืองไทยดีขึ้นตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ
ประการที่สอง
ลดบรรยากาศการเผชิญหน้ากันทางการเมือง
เพราะหากผลการประชุมของทั้งสามศาลระบุให้การเลือกตั้งดำเนินการต่อไปหรือให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผมเชื่อว่าบรรยากาศทางการเมืองจะยังคุกรุ่นและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เพราะหากคณะกรรมการการเลือกตั้งยังคงเป็นกลุ่มคนชุดเดิมที่ประชาชนส่วนหนึ่งไม่ให้ความไว้วางใจ
การเลือกตั้งครั้งใหม่จะยังคงไม่ได้รับการยอมรับ
ทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงรุนแรงต่อไป
และมีโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนด้วยกันเองและระหว่างประชาชนกับพรรคการเมือง
ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้
ประการที่สาม
ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน
เพราะไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ถึงสองครั้งภายในระยะเวลาปีเศษ
แต่หากต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ทันที
สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่จะทำหน้าที่ได้เพียงปีเศษเท่านั้น
เพราะเมื่อการปฏิรูปการเมืองสำเร็จลุล่วงภายใน
1
ปี
จะต้องยุบสภาและเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
ซึ่งทำให้ต้องเสียงบประมาณแผ่นดินอีกถึง
2,000
3,000
ล้านบาท
กล่าวโดยสรุป
หากศาลปกครองรับคำฟ้องและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกายุบสภา
จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรกลับมาทำหน้าที่ได้ดังเดิม
อาจจะเกิดผลดีต่อการเมืองไทยและแนวทางการปฏิรูปการเมืองสามารถเดินหน้าต่อไปได้ทันที
|