Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

บทความลงนิตยาสาร       


ภารกิจท้าทายของทีมเศรษฐกิจใหม่
 

2 ธันวาคม 2549

             
            
ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยด้านการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชนถดถอยลง แต่สถานการณ์ได้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่สังคมให้การยอมรับว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต และทีมเศรษฐกิจที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี

ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ควรฉวยโอกาสผลักดันวาระ ซึ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีแรงจูงใจที่จะดำเนินการ ทั้งนี้เพราะรัฐบาลใหม่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจึงไม่หวังว่าจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน ทำให้อาจสามารถขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นผลประโยชน์ระยะยาวและเป็นผลดีต่อภาพรวม แม้จะไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่มีระยะเวลาการทำงานเพียง 1 ปี จึงควรจัดลำดับความสำคัญของงาน โดยภารกิจในระยะสั้นคือ การฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ การจัดทำงบประมาณปี 2550 การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลของนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน และการตัดสินใจว่าจะดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนอย่างไร ซึ่งมีความท้าทายที่ต้องเผชิญในหลายกรณี อาทิ

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลชุดก่อนแปรรูปโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทำให้เกิดการฟ้องร้องและยุติการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ยังอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีกันอยู่ แม้ ปตท.จะถูกแปรรูปไปแล้ว แต่ยังคงมีการผูกขาดในกิจการบางส่วน และขาดหน่วยงานกำกับอิสระที่ทำหน้าที่ดูแลการแข่งขันให้เป็นธรรมและดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคอาจต้องรับภาระ ขณะที่กำไรตกอยู่กับผู้ถือหุ้นเพียงบางส่วน

แม้ว่าการพิจารณาคดีการแปรรูป ปตท.ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาล แต่สิ่งที่ทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลต้องวางแผนรองรับล่วงหน้า คือ หากศาลตัดสินให้การแปรรูป ปตท.เป็นโมฆะ รัฐบาลจะรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างไร ทั้งการหาเงินมาซื้อหุ้นคืนจากภาคเอกชน และผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และสิ่งที่ต้องคิดต่อไป คือ แนวทางการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจควรจะเป็นอย่างไร เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีเงินลงทุนเพียงพอ มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และยังสามารถจัดบริการสาธารณูปโภคได้ในราคาที่เป็นธรรม

การเจรจาการค้าเสรี รัฐบาลเดิมเปิดเจรจาเขตการค้าเสรีกับต่างประเทศอย่างไม่รอบคอบ โดยขาดความโปร่งใสในการเจรจา ไม่เปิดเผยข้อตกลงการเจรจา และขาดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเพียงพอ รวมทั้งไม่นำข้อตกลงเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าอาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ การเจรจาเอฟทีเออย่างเร่งรีบส่งผลทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยต้องรับผลกระทบอย่างรนแรง โดยที่รัฐบาลไม่ได้เตรียมมาตรการรองรับและกลไกการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบล่วงหน้า

ความท้าทายที่ทีมเศรษฐกิจใหม่ต้องเผชิญ คือ จะดำเนินการเกี่ยวกับการเจรจาการค้าเสรีอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะการเจรจาที่ยังไม่ได้ข้อสรุป คือข้อตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา การยกเลิกหรือชะลอการเจรจาออกไปอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อไทย อันเนื่องจากความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย แต่หากดำเนินการต่อไปรัฐบาลจะถูกแรงกดดันจากภาคประชาชนอย่างรุนแรง ประการสำคัญคือ การกำหนดกติกาและกระบวนการเจรจาสำหรับการเจรจาต่อไปในอนาคตควรเป็นอย่างไร

การแข่งขันทางการค้า รัฐบาลชุดก่อนละเลยการพัฒนากติกาการแข่งขันทางการค้า ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในบางภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกิจการค้าส่งค้าปลีก ทำให้กิจการขนาดใหญ่สามารถเข้าไปจัดตั้งในเขตเมืองและใช้กลยุทธ์ทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และส่งผลกระทบต่อร้านค้าโชว์ห่วยอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ทำให้มีการเรียกร้องจากผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อให้ภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว

               ความท้าทายอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะจัดการปัญหาห้างค้าปลีกข้ามชาติขนาดยักษ์ที่เข้าไปจัดตั้งในเขตชุมชนอย่างไร เพราะได้มีการลงทุนและเปิดกิจการไปเป็นจำนวนมากแล้ว หากรัฐบาลให้ยกเลิกการดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากจำกัดไม่ให้มีการลงทุนอีกจะเกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างนักลงทุนรายใหม่กับรายเดิม และทำให้เกิดการผูกขาดของกิจการเดิมที่มีอยู่ แต่หากรัฐบาลกำหนดให้สามารถจัดตั้งกิจการได้ต่อไป รัฐบาลจะจัดการแก้ปัญหาของผู้ค้าปลีกรายย่อยได้อย่างไร 

           การแก้ปัญหานอมินี หากศาลตัดสินว่าบริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอมีนีของเทมาเส็กจริง จะเกิดคำถามว่า รัฐบาลจะดำเนินการกับบริษัทอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ เพราะมีความเชื่อกันว่านักลงทุนต่างชาติจำนวนมากใช้นอมินีเพื่อเข้ามาถือหุ้นในประเทศไทย หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตรวจสอบบริษัทอื่นอาจจะเกิดข้อครหาว่าเลือกปฏิบัติ แต่หากดำเนินคดีกับบริษัทอื่น ๆ ด้วย อาจทำให้เกิดการย้ายเงินลงทุนจำนวนมากออกจากประเทศไทย ความท้าทายจึงอยู่ที่ว่า ทีมเศรษฐกิจจะดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างไร และจะรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายได้อย่างไร โดยที่ไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย

             
              
นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ยังคงเป็นความท้าทายที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะต้องเผชิญ เช่น การจัดการปัญหาธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจ ปัญหากลไกการคุ้มครองผู้บริโภค
การคุ้มครองแรงงาน และการจัดระบบคุ้มครองทางสังคม ปัญหาการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน  เป็นต้น

แม้นายกรัฐมนตรีมีแนวนโยบายที่ไม่เน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมา แต่การเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อจากรัฐบาลเดิมที่มีแนวนโยบายเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่นั้น รัฐบาลใหม่จะต้องเผชิญปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ซึ่งมีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ดี คงไม่เกินความสามารถของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ไปได้

                                                                                                                                                                           ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
                                                                                                         กรรมการบริหารและรองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์


-------------------------------