ThaiPost.net : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด


		การเมือง - ข่าว 'พม่า'เรียกพบหึ่ง!'ทักษิณ'บินด่วนถกธุรกิจพลังงาน 3 สิงหาคม 2549 กองบรรณาธิการ การทูตนินจาโผล่อีกแล้ว "ทักษิณ" บินสายฟ้าแลบไปพม่าถึงบ่าย-กลับเย็นเจรจาลับสุดยอด กะทันหันถึงขนาดเพิ่งแจ้งอาเซียนกลางดึก หนีบ ผบ.ทบ.บังหน้าพร้อม 2 รมต. "ไกรศักดิ์" พันธมิตรฯ ชี้วาระซ่อนเร้นตามเคย หลังไทยส่อถูกชักดาบ 4 พันล้านโครงการเอื้อธุรกิจครอบครัว ทนายซวยประสานงารถนำขบวนสาหัส ร.อ.ซี่โครงหัก ผู้นำยังไม่ยอมจอดดู ภารกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในห้วงวันพุธที่ผ่านมา ได้ตกเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดของหลายฝ่าย เมื่อจู่ๆ นายกฯ ก็บินด่วนไปยังประเทศสหภาพพม่าอย่างกะทันหัน โดยอ้างถึงการไปประชุมทวิภาคีและพหุภาคี ทั้งนี้ เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดในช่วงเช้า พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธที่จะชี้แจงรายละเอียด โดยได้ปฏิบัติภารกิจด้วยการไปเปิดประชุมสัมมนา "ทางรอดเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม" ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ก่อนที่จะกลับมาเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ห้องอารีสัมพันธ์ 3 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินทางไปยังสนามบิน บน.6 กองทัพอากาศ เพื่อขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศไปยังประเทศพม่า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะขึ้นเครื่อง พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความประสงค์ของ 2 ฝ่ายที่อยากเจอกันเพื่อหารือในระดับผู้นำทั้งทวิภาคีและพหุภาคี ที่เมืองปินมะนา เมืองหลวงใหม่ของพม่า การหารือครั้งนี้จะครอบคลุมทุกด้าน โดยผู้ที่ร่วมเดินทางประกอบด้วย รมว.ต่างประเทศ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และผู้บัญชาการทหารบก การเดินทางไปพม่าในสภาพฉุกละหุกดังกล่าวของนายกฯ ได้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายฝ่ายมองไปถึงโครงการเงินกู้ 4,000 ล้านบาทที่รัฐบาลไทยอนุมัติให้รัฐบาลพม่ากู้จากเอ็กซิมแบงก์ในโครงการก่อสร้างด้านโทรคมนาคม และขณะนี้พม่ายังไม่ใช้หนี้ดังกล่าว ขณะที่มีข่าวว่าพม่านำเงินไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในช่วงดึกวันที่ 1 สิงหาคม พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งแจ้งให้ผู้นำประเทศต่างๆ ในอาเซียน ซึ่งเพิ่งประกาศคว่ำบาตรความสัมพันธ์กับพม่า เนื่องจากไม่ยอมดำเนินการทางด้านประชาธิปไตย ให้ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปหารือกับผู้นำพม่าในวันที่ 2 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาล (www.thaigov.go.th) ซึ่งจัดทำโดยฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข่าวนายกรัฐมนตรีเยือนพม่า โดยระบุว่า การเดินทางเยือนสหภาพพม่าครั้งนี้ เป็นไปตามกำหนดการที่ผู้นำของไทยและพม่าได้หารือและวางแผนไว้ล่วงหน้าตามโอกาสและเวลาที่ทั้งสองฝ่ายสะดวกร่วมกัน โดยก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์หารือกับประธานอาเซียน คือ ประธานาธิบดีกลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นโอกาสที่พม่าและอาเซียน จะกระชับความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีนี้ โดยกล่าวเพียงว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่มีรายละเอียดของกำหนดการเยือนครั้งนี้ มีรายงานว่า การเดินทางไปประเทศพม่าครั้งนี้ ไม่ได้มีการแจ้งกำหนดการล่วงหน้าไปยังสำนักงานผู้ช่วยทูตทหาร ซึ่งหากมีการแจ้งไปยังสถานทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งแล้ว จะมีการประสานงานในระดับทหารเพื่อจัดกำหนดการขึ้นมา อย่างไรก็ตาม มีรายงาน พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าพบและหารือข้อราชการอย่างเป็นทางการกับ พล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา หรือเอสพีดีซี ที่เมืองปินมะนา เมืองหลวงใหม่ที่เพิ่งย้ายไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปยัง บน.6 ถึงเขตพื้นที่ของกองทัพอากาศ รถนำขบวนก็ได้ชนกับรถเก๋งโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 4 ธ-5863 กรุงเทพฯ ยังผลให้นายสุนทร อัตติปา คนขับรถเก๋งโตโยต้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลภูมิพล รายงานการสอบสวนของ พ.ต.อ.จัตุพันธ์ วรรณภักตร์ ผกก.สน.ดอนเมือง ระบุว่า เวลาประมาณ 12.20 น. นายสุนทรขับรถมาตามถนนธูปเตมีย์ จากถนนพหลโยธินุม่งหน้าสู่ถนนวิภาวดีรังสิต ถึงบริเวณบึงน้ำตรงข้ามทางวิ่งเครื่องบินซึ่งเป็นทางโค้ง รถเสียหลักข้ามช่องทางเดินรถมาฝั่งตรงข้าม เป็นเวลาเดียวกับที่ขบวนรถนายกฯ วิ่งสวนมา ทำให้รถเก๋งตรากองทัพอากาศ ทะเบียน 52405 มีจ่าอากาศเอกสุวรรณ เผือกอ่อน ชนกับรถของนายสุนทร แล้วรถจักรยานยนต์ตราโล่ ทะเบียน 56947 ขับขี่โดยดาบตำรวจอัครพล ถนอมเมฆ เบรกไม่ทันชนท้ายรถตรากองทัพอากาศ ทำให้มีผู้บาดเจ็บนอกจากนายสุนทรก็คือ จ่าอากาศเอกสุวรรณ เผือกอ่อน เรืออากาศเอกสมบัติ พิบูลย์ศิลป์ และ ด.ต.อัครพล ถนอมเมฆ หลังเกิดเหตุ ทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีหลายคนลงไปดูเหตุการณ์และช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่รถของนายกฯ กลับวิ่งเข้า บน.6 ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ลงไปช่วยเหลือต้องรีบวิ่งกลับขึ้นรถติดตามนายกฯ ต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินด้วยท่าทีตื่นตระหนกว่า "เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ วิ่งๆ มาเขาหักกลับรถกลางถนนเลย ผมเห็นแล้วเหมือนเขาหักรถกลับอย่างนี้เลย แต่เข้าใจว่าคนขับรถเก๋งนั้นคงสลบ" พล.อ.ท.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้บัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) กล่าวว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรีกำลังเดินทางไปที่ท่าอากาศยานทหาร (บน.6) เพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางไปประเทศพม่า เมื่อขบวนถึงทางโค้งบริเวณสระน้ำในเขตกองทัพอากาศ มีรถของนายสุนทร อัตติปา อาชีพทนายความ ขับสวนขบวนมา และเมื่อเห็นขบวนรถของนายกฯ จึงเกิดความตกใจเลยเบรกกะทันหัน ทำให้รถยนต์ของนายสุนทรปัดแล้วโผล่เข้ามาในขบวน จึงเกิดอุบัติเหตุชนกับรถนำขบวนคันที่ 3 ของกองพันสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ผบ.อย.กล่าวว่า แพทย์เอกซเรย์แล้วพบนายสุนทรสมองร้าว ส่วน ร.อ.สมบัติ พิบูลย์ศิลป์ ซี่โครงหัก 3 ซี่ นายกฯ ก็เป็นห่วงสั่งการให้ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีไม่ลงมาดูจุดเกิดเหตุ เพราะต้องรีบเดินทางไปพม่าให้ทันตามกำหนดการที่วางไว้ และต้องรีบเดินทางออกจากพม่าก่อนเวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประสบอุบัติเหตุรถยนต์ของประชาชนชนประสานงาเข้ากับรถนำขบวนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีได้เช็กละเอียดเกี่ยวกับชายคนดังกล่าว ว่าเป็นใคร มาจากไหน มีอาชีพอะไร และใช้เส้นทางนี้เป็นปกติหรือไม่ เพื่อดูว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุหรือไม่ ซึ่งก็พบว่าชายคนดังกล่าวมีอาชีพเป็นทนายความ และใช้เส้นทางนี้ประจำ และเคยเจอขบวนของนักการเมืองและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ นอกจากนี้ ภรรยาของทนายผู้นี้เพิ่งคลอดบุตรได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น มีเสียงวิจารณ์ตามมาจากนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า เหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณไม่แจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพราะการเดินทางไปพม่าครั้งนี้เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน ประชาชนจึงควรมีสิทธิรับรู้ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ด้วย อีกทั้งอย่าลืมว่าพม่ามีปัญหาสถานการณ์การเมืองและการละเมิดสิทธิ โดยเฉพาะล่าสุดในการประชุมผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย ได้มีการลงมติว่าประเทศพม่ามีสถานการณ์ในประเทศที่เลวร้ายที่สุด ขอให้ผู้นำทางทหารพม่าปรับปรุงด้วย แต่จนถึงขณะนี้ผู้นำทหารพม่าก็ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้ดีขึ้น และในส่วนของเราเองก็เพิ่งเกิดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่แก้ปัญหาภายในประเทศของตัวเอง กลีบรีบบินด่วนไปพม่า "ทำให้ประชาชนอดสงสัยไม่ได้ว่านายกรัฐมนตรีของเราไปพม่าครั้งนี้ด้วยเรื่องส่วนตัวหรือเหตุผลใดกันแน่ การไปพม่าครั้งนี้เชื่อได้ว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่ทราบเรื่องมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถหลุดพ้นการถูกมองว่ามีเรื่องธุรกิจส่วนตัวของผู้นำเราที่เคยไปให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินหลายพันล้านบาทให้พม่าเพื่อซื้อดาวเทียมจากบริษัท ชินแซทเทลไลท์ เดิมของนายกฯ ทักษิณ" นายไกรศักดิ์กล่าวว่า แม้นายกฯ จะนำ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ไปด้วย ก็ไม่สามารถลบภาพความสงสัยในเรื่องนี้ไปได้ "ผมมองว่าไปครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสาระของประเทศชาติ แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องข่าวลือที่ไปตั้งข้อสังเกตว่าท่านไปเพื่อแก้เคล็ดเสริมดวงหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่หากจะทำจริงอย่างที่คนไปลือกัน ผมว่าถ้าเขาจะทำก็อย่าใช้หมายราชการไป แต่ให้ไปในนามส่วนตัว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไปเพราะต้องการจะไปเรียนรู้วิธีการปกครองประเทศแบบเผด็จการอย่างพม่าก็ได้ เพราะดูเหมือนเวลานี้จะมีที่พม่าประเทศเดียวที่เข้าใจเขามากที่สุด" นายไกรศักดิ์กล่าว ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเช่นกันนายกฯ ไปทำอะไรที่พม่า แต่ปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้คือนายกฯ น่าจะไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ถูกน้ำท่วม และดูปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะดีกว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปพม่าโดยไม่แจ้งกำหนดการหรือประเด็นการหารือกับรัฐบาลพม่า ทั้งที่ไม่ได้ไปในนามส่วนตัว ฉะนั้นคนไทยทุกคนควรมีสิทธิ์รับรู้ว่าไปในวาระอะไร ตนจึงสันนิษฐานว่าการบินไปแบบกะทันหันครั้งนี้ คงไปเจรจาปมปัญหาทางธุรกิจที่ยังไม่ลงตัวอันเนื่องจากการยึดอำนาจในพม่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อการร่วมค้าระหว่างบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือชินคอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมทุนทางธุรกิจกับบริษัท บากัน ไซเบอร์เทค (Bagan Cybertech) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจรและใหญ่ที่สุดในพม่า แต่เผอิญว่าเจ้าของบริษัทบากัน คือ ดร.เย เนง วิน เป็นลูกชายพลเอกขิ่น ยุ้นต์ อดีตนายกรัฐมนตรีพม่าที่ถูกยึดอำนาจไปโดยนายพลตาน ฉ่วย เมื่อกลางปีที่แล้ว นายสุริยะใสกล่าวว่า การยึดอำนาจในพม่าครั้งนั้นกระทบต่อธุรกิจโทรคมนาคมของตระกูลชินวัตร และที่สำคัญภาษีของคนไทยก็มีสิทธิ์สูญเปล่าไปด้วย เพราะรัฐบาลทักษิณลักไก่อนุมัติเงินช่วยเหลือทั้งเงินให้เปล่าและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่รัฐบาลของพลเอกขิ่น ยุ้นต์ ในขณะนั้น รวมกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาการสื่อสารโทรคมนาคมในพม่า ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลนายพลตาน ฉ่วย จะคืนเงินกู้หรือสร้างเงื่อนไขเพื่อเบี้ยวหนี้หรือไม่ และที่สำคัญภายหลังยึดอำนาจ รัฐบาลนายพลตาน ฉ่วย ยังสั่งปราบปรามการคอรัปชั่นทางนโยบายในสมัยพลเอกขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งรวมทั้งการสั่งรื้อและทบทวนสัญญาร่วมทำการค้ากับบริษัท ชินแซทฯ ด้วย "ปัญหาที่เดือดร้อนถึง พ.ต.ท.ทักษิณต้องบินไปด้วยตนเอง เนื่องจากบริษัทบากันได้เลือกโครงการดาวเทียมไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ ในการพัฒนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในพม่า และไอพีสตาร์ตอนนี้ก็ตกไปอยู่ในมือรัฐบาลสิงคโปร์แล้ว อยู่ระหว่างจ่ายเงินซื้อขายหุ้นชินคอร์ป 73,000 ล้านบาทที่ยังค้างชำระอยู่อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากทางสิงคโปร์ฉลาดและวางเงื่อนไขในการจ่ายเงินค่าหุ้นไว้ คงถึงบางอ้อกันแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปพม่าแบบด่วนจี๋ไม่มีหมายล่วงหน้าแบบผู้นำที่มีอารยะเขาทำกันนั้น ไปในนามรักษาการนายกฯ ของประเทศไทย หรือในนามนายหน้าบริษัท เทมาเส็ก ของสิงคโปร์กันแน่" นายสุริยะใสกล่าว ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตในเชิงลบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ก็ออกมาตอบโต้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังสำคัญตัวเองผิด ที่ว่าใครที่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เอา คนคนนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย อย่างที่มีการต่อต้านนายกฯ ทักษิณไม่ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง อย่างนั้นคนที่จะเป็นนายกฯ คงไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องผ่านการยอมรับจากที่ประชุมกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนหรืออย่างไร นายจตุพรกล่าวว่า การเดินทางไปไหนมาไหนของนายกฯ ตนเห็นว่าไม่ต้องขออนุมัติจากกลุ่มพันธมิตรฯ และที่กล่าวหาว่าไปคุยธุรกิจส่วนตัวนั้น อยากให้นำหลักฐานมาแสดง ไม่ใช่พูดมาลอยๆ อีกทั้งการเดินทางอย่างเร่งด่วนโดยที่ไม่มีหมายมาก่อน ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งนายกฯ เองก็รู้ดีว่าไปแล้วจะเกิดเสียงอะไรตามมา ซึ่งถ้าไม่มีประโยชน์จริงๆ แล้วคงไม่เดินทางไป ด้านนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ รองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้า 3 สายที่ใช้วิธีการจ้างออกแบบควบคู่ไปกับการก่อสร้าง ว่าตนขอตั้งข้อสังเกตว่าวิธีการดังกล่าวถือว่าเหมาะสมกับโครงการที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนาน เพราะวิธีการนี้จะมีความยืดหยุ่นและจะทำให้ได้เทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม มีเพียงระบบรถไฟฟ้าเท่านั้นที่เทคโนโลยีน่าจะเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่งานด้านโยธาและโครงสร้างนั้น เทคโนโลยีไม่เปลี่ยนแปลงเร็วมากนัก ความเห็นของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เสนอว่า ควรแยกงานโยธาออกจากงานระบบรถไฟฟ้า จึงเป็นข้อเสนอที่มีเหตุผล ไม่ใช่รัฐบาลเปิดกว้างมากเกินไป โดยให้ผู้ยื่นประมูลเสนอได้แม้กระทั่งเส้นทางใหม่ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่รัฐบาลควรจะมีความชัดเจนแล้ว นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า ในรัฐบาลทักษิณ 1 ได้อนุมัติดำเนินการออกแบบรายละเอียด และก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ใช้งบไปแล้วประมาณ 300 ล้านบาท ในการจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และจัดทำเอกสารประกวดราคาโครงการ คำถามคือ ในเมื่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้มีการออกแบบในรายละเอียดและจัดทำเอกสารประกวดราคาโครงการไปแล้ว เหตุใดรัฐบาลจึงใช้วิธีการจ้างออกแบบควบคู่ไปกับการก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีก การเลือกรูปแบบการดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อน และทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณ ที่โรงแรมมิราเคิล กระทรวงยุติธรรม จัดงานมหกรรมวันรวมพลังเครือข่ายชุมชนแก้ปัญหายาเสพติด เชิญนายแพทย์ประเวศ วะสี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลังชุมชน กับอนาคตสังคมไทย" ตอนหนึ่ง นพ.ประเวศกล่าวว่า วิกฤติลูกที่ 4 เป็นวิกฤติที่ซับซ้อนจากยุโรปที่เข้ามาทำลายอารยธรรม และแย่งชิงทรัพยากรจากทุกประเทศทั่วโลกไปสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง ทำให้เกิดผลร้าย 4 ด้าน คือ 1.เกิดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน 2.การทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็วและรุนแรง 3.การทำลายวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ 4.เกิดปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง โดยที่อำนาจรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นพ.ประเวศกล่าวว่า ในสังคมที่ซับซ้อนอำนาจจะใช้ได้ผลน้อยลง รัฐบาลทักษิณที่มีอำนาจ มีเสียงสนับสนุน และเงินมากที่สุด ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ตนเคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณว่าไม่ให้ใช้อำนาจแก้ปัญหา เพราะนอกจากจะแก้ไม่ได้แล้ว อำนาจจะตีกลับ จะตกโครงสร้างมรณะ ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น. หลังการเดินทางกลับจากสหภาพพม่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เต็มใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศที่รอการกลับอยู่จำนวนมากนัก เมื่อถูกถามว่ารัฐบาลพม่าจะปล่อยนางอองซาน ซูจี หรือไม่ เขาตอบว่ายังไม่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความชัดเจนการไปเยือนครั้งนี้เพียงว่า ที่ไปคุยกันก็คัฟเวอร์ทุกเรื่อง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คัฟเวอร์หมด ทั้งทวิภาคีและพหุพาคี แต่ไม่สามารถพูดรายละเอียดแต่ละเรื่องได้ ขอให้รู้ว่าคุยทุกเรื่อง เมื่อถามอีกว่าได้คุยเรื่องการปฏิรูปการเมืองในพม่าหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อะไรที่ตีความว่าเศรษฐกิจสังคม การเมือง ก็พูดทุกเรื่อง.

อิสรภาพแห่งความคิด		หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 1852 ถนนเกษมราษฎร์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร 240 2612 แฟกซ์ 2490295 และ 2490299 Copyright (c) 1999 Thai Journal Group. All rights reserved. Reproduction in whole or in part in any form or medium without express written permission of Thai Journal Group is prohibited. ThaiPost and the ThaiPost logo are trademarks of Thai Journal Group. (Power and Designed by Thaicast Team, KSC Commercial Internet Co.,Ltd.)

Power by Internet KSC