วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
จากการประชุมสภาสมัยสามัญ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 พ.ศhellip;.ที่ผ่านมา ผมได้เสนอแปรญัตติให้ตัดนายกรัฐมนตรีออกจากการรักษาการตาม พ.ร.บ.นี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้นายกฯมีอำนาจมากเกินไป อำนาจซ้ำซ้อน เปิดช่องให้ใช้งบประมาณอย่างไม่โปร่งใส และไม่รอบคอบrdquo; แต่นาย วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้แสดงความเห็นแย้งว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่สมควรมากที่สุด เนื่องจากเป็นไปตาม พ.ร.บ. วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 แก้ไขเพิ่ม (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2543 มาตรา 5 ที่ระบุให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณฯ และกล่าวว่าพฤติกรรมการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า
การที่ พ.ร.บ. วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ระบุให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการรักษานั้น ผมไม่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งแต่อย่างใดหากว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสมที่ไม่สามารถใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จได้ แต่ในปัจจุบันรัฐบาลเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ผมจึงกังวลว่ากฎหมายได้เปิดช่องให้นายกฯ มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จมากเกินไปหรือไม่ในการเบิกจ่ายงบประมาณฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมาจะเห็นว่า นายกฯมีแนวโน้มของการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งเห็นได้จากการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม ครม.พ.ศ..... ที่ระบุว่า กรณีจำเป็นฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีสามารถเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องฉุกเฉินกับรัฐมนตรีบางคน ไม่จำเป็นต้องเรียก ครม.ทั้งคณะ รวมทั้งการที่รัฐบาลชุดนี้ได้แบ่งงบไว้สำหรับงบฉุกเฉินเป็นจำนวนมาก ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ที่สามารถเบิกจ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคำร้องขอหน่วยงานราชการ ซึ่งอาจทำให้เกิดการนำงบประมาณไปใช้อย่างไม่รอบคอบ เพราะไม่ต้องผ่าน มติ ครม.
ดังนั้นผมจึงคิดว่านายกรัฐมนตรีจึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาการตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ครับ