วอนรัฐหยุดบิดเบือนความจริงทาง ศก.

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก

ผมวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจปี 2549 พบว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่รัฐบาลกลับเน้นการสร้างภาพว่าเศรษฐกิจไม่มีปัญหา

ประเด็นแรก การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพยายามสร้างความเข้าใจที่ผิดว่า แม้การจัดทำและบังคับใช้พระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี พ.. 2550 จะล่าช้าจากกำหนดเวลาปกติอย่างน้อย 4 เดือน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนักนั้น เป็นการพูดที่บิดเบือนจากความเป็นจริง และเป็นการส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ไม่ถูกต้อง

ผมได้วิเคราะห์ตัวเลขงบประมาณประจำปี 2550 ที่รัฐบาลตั้งกรอบวงเงินงบประมาณไว้ 1.476 ล้านล้านบาท หากงบประมาณประจำปีหน้ามีการพิจารณาล่าช้ากว่ากำหนดอย่างน้อย 4 เดือน ย่อมส่งผลให้การเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2550 หรือไตรมาสสุดท้ายของปี 2549 ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจประมาณ 7.46 หมื่นล้านบาท หรือทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2549 ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 0.5 จากตัวเลขประมาณการเดิม ทั้งนี้ยังไม่นับรวมผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

ประเด็นต่อมา การที่รัฐบาลคาดว่างบประมาณปี 2549 ยังจะดำเนินงบประมาณแบบสมดุลได้นั้น หากพิจารณาเพียงตัวเลขรายรับเปรียบเทียบกับเป้าหมายของการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอาจทำให้เข้าใจได้ว่า งบประมาณปี 2549 เป็นงบประมาณแบบสมดุล แต่หากดูตัวเลขที่ลึกไปกว่านั้นจะพบว่า ณ เดือนมีนาคม 2549 รัฐบาลมีหนี้ตั๋วเงินคลังถึง 2.48 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2548 ถึง 7.8 หมื่นล้านบาท หรือเกือบเต็มเพดานเงินกู้ตั๋วเงินคลังที่ 2.5 แสนล้านบาทแล้ว ขณะที่เงินคงคลังกลับลดลงจาก 8.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2548 เหลือเพียง 4 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549

ยิ่งไปกว่านั้น รายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2549 นั้น มีจุดที่น่าสังเกตคือ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงถึง 22,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 13,735 ล้านบาท คำถามคือ เป็นความพยายามของรัฐบาลในการดึงกำไรของรัฐวิสาหกิจ เพื่อมาแก้ปัญหา lsquo;ถังแตกrsquo; หรือไม่ หรือเป็นความพยายามบีบให้รัฐวิสาหกิจทำกำไร เพื่อให้มีรายได้ส่งเข้าคลังมากขึ้น โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนที่ใช้บริการสาธารณูปโภคจากรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ใช่หรือไม่

นอกจากนี้ พฤติกรรมที่ผ่านมาของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินจากประชาชนเพื่อมาลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการโดยไม่ปรากฏเป็นหนี้สาธารณะ หรือการบังคับให้ธนาคารของรัฐตรึงดอกเบี้ยโดยอ้างว่าจะไม่เป็นภาระต่องบประมาณ เป็นตัวสะท้อนว่า รัฐบาลพยายามบิดเบือนเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ และพยายามแก้ปัญหาโดยปกปิดตัวเลขที่แท้จริง แต่แก้ปัญหาโดยการโยนภาระออกไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ต่อต้านการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชน แต่ผมคิดว่ารัฐบาลควรพูดความจริง และเปิดเผยตัวเลขที่ซ่อนอยู่ให้ชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้นักวิชาการและประชาชนมีส่วนร่วมคิดและร่วมกันหาทางออก และทำให้สามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจการคลังของประเทศได้อย่างถูกต้อง

admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2006-05-19