"ทักษะสังคม" พื้นฐานสู่ความสำเร็จในการทำงาน

 
"มนุษย์" เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างมาไม่ใช่เพื่ออยู่อย่างเดียวดาย แต่เพื่อให้อยู่ร่วมกันเป็นสังคม นับตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน สังคม แผ่วงกว้างไปจนถึงระดับประเทศชาติหรือแม้กระทั่งระหว่างประเทศ ในการเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน พึ่งพาอาศัยกันและกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
 
อย่างไรก็ตามจากปัญหาสังคมมากมายในปัจจุบัน อันเห็นได้จากสถิติการเกิดอาชญากรรมการฆ่าตัวตาย การหย่าร้าง ฯลฯ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญที่กำลังบอกว่าการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมนั้น ๆ กำลังมีปัญหา ! ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุที่เกี่ยวกับ ความหึงหวงอิจฉาริษยาความเครียดความเหงา ความขัดแย้งไม่ลงรอยระหว่างกัน การถือกันเป็นศัตรู โดยไม่สามารถหาข้อยุติหรือหาทางออกในทางที่สร้างสรรค์ได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างไม่น่าที่จะเกิดขึ้น
 
จากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในปัจจุบันที่เกิดสภาพความห่างเหินแปลกแยกระหว่างคนในสังคมที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันโดยไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมานั้นมีทักษะในการเข้าสังคมที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเกิดเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยทั้งต่อระดับปัจเจกและต่อสังคมในภาพรวมใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากทักษะสังคมเป็นทักษะที่นำมาซึ่งความสุขและเป็นใบเบิกทางแห่งความสำเร็จในชีวิต เปิดประตูสู่มิตรภาพและโอกาสความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ยังเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของคนในสังคม
 
ทักษะสังคม (social skills) เป็นกลุ่มของทักษะต่าง ๆ ที่ใช้ในการปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างกันในสังคม อันได้แก่ ทักษะการสื่อสาร การพูด การฟัง การทำงานร่วมกันเป็นทีม ฯลฯ รวมทั้งความสามารถในการเข้าใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย กฎกติกาต่าง ๆ ในสังคม ความสามารถในการรู้จักผู้อื่น และการคิดคำนึงถึงคนรอบข้างอย่างเข้าอกเข้าใจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในทางบวกให้เกิดขึ้นเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยเด็กที่ต้องการการพึ่งพา การเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิต วัยรุ่นที่ต้องการการยอมรับจากเพื่อนฝูงคนรอบข้าง วัยผู้ใหญ่ที่เริ่มสร้างครอบครัวและต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทักษะสังคมเป็นทักษะที่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ
 
การฝึกฝนทักษะสังคมไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องมาจากการถูกปลูกฝังหล่อหลอมแต่เยาว์วัย จากที่บ้าน หรือโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่เราทุกคนต้องฝึกฝนและเรียนรู้ไปตลอดชีวิตอย่างไม่จบสิ้น ทั้งจากการสังเกต เรียนรู้ การเลียนแบบผ่านการปฏิบัติต่อกันและกัน รวมทั้งการเรียนรู้ที่จะอยู่เป็นสังคมภายใต้กฎระเบียบกติกาต่าง ๆ ภายในชุมชนหรือองค์กรที่ตนอยู่ภายใต้หรือเป็นสมาชิกอยู่ อาทิ ครอบครัว ชุมชน สำนักงาน องค์กรต่าง ๆ
 
โดยการพัฒนาและฝึกฝนทักษะทางสังคมด้วยตนเองนั้นสามารถทำได้โดย
 
ริเริ่มสร้างมิตร โดยการริเริ่มผูกมิตรและหยิบยื่นไมตรีจิตให้กับผู้อื่นก่อนเสมอทั้งต่อเพื่อนฝูง เจ้านาย ลูกน้อง ในที่ทำงานเช่น การยิ้มอย่างจริงใจเข้าไปแนะนำตัวแสดงความรู้จักกับผู้อื่นที่เราอยากคบหาเป็นมิตรก่อน การให้เกียรติผู้อื่นทั้งคำพูดและการกระทำ การเรียนรู้จักการเป็นผู้ให้มากกว่าที่จะเป็นผู้รับฝ่ายเดียว รวมทั้งการหาโอกาสในการพบปะกับคนในกลุ่มใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่เพียงแต่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานเท่านั้นอาทิการหาโอกาสพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน การพบปะพูดคุยกับเพื่อนบ้านญาติพี่น้องอย่างสม่ำเสมอ การหาโอกาสทำกิจกรรมทั้งในและภายนอกองค์กรนอกเหนือไปจากงานประจำที่ตนทำอยู่ การทำงานอาสาสมัครต่าง ๆ การอาสาตัวช่วยงานข้ามแผนก เป็นต้น
 
สานต่อมิตรภาพ หลังจากทำความรู้จักและเริ่มผูกมิตรแล้ว การสานต่อมิตรภาพให้ยั่งยืนต่อไปเป็นสิ่งสำคัญ การที่เราจะเป็นที่ยอมรับจากสังคมหรือกลุ่มเพื่อนร่วมงานได้นั้น อุปนิสัยใจคอ พฤติกรรมการแสดงออกที่เรามีต่อบุคคลอื่นเป็นสิ่งสำคัญ คนจำนวนมากขาดทักษะในด้านนี้เนื่องจากเอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจถึงจิตใจหรือความต้องการของคนรอบข้าง ส่งผลให้ไม่เป็นที่ยอมรับหรือเป็นที่ต้องการของเพื่อนในกลุ่ม อันนำมาซึ่งความเจ็บปวดและบาดเจ็บภายในใจ โดยที่ในบางครั้งเราเองอาจไม่รู้ตัวและไม่ทราบจริง ๆ ว่าเพราะเหตุใดคนรอบข้างจึงพากันปฏิเสธหรือรังเกียจเรา
 
อย่างไรก็ตามการฝึกฝนทักษะสังคมเป็นเรื่องที่สามารถฝึกกันได้โดยมีหลักการสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะสังเกต ใส่ใจ เอาใจใส่ห่วงใยในความรู้สึกและความเป็นไปของคนรอบข้างอย่างไม่นำตนเองเป็นศูนย์กลาง โดยสามารถใช้อุปกรณ์ช่วยที่เรียกว่าการทำตาราง T-Chart เพื่อเป็นการฝึกฝนในสนามความคิดด้วยการจำลองการตอบสนองของที่มีต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะใช้ในภาคปฏิบัติจริง
 
กลุ่มทักษะสังคม
ldquo;เรื่องการทำงานเป็นทีมrdquo;
พฤติกรรมที่พึงประสงค์
คำพูดที่พึงประสงค์
ช่วยเหลืองานกลุ่มสุดความสามารถ
ไม่เกี่ยงงาน กินแรงเพื่อน
ปัดความรับผิดชอบ
ส่งงานตรงเวลา
.......
ฉันยินดีทำงานนี้
มีอะไรให้ฉันช่วยหรือไม่
ฉันจะพยายามทำอย่างเต็มที่
ทำไหวหรือไม่ จะให้ช่วยไหม
.......
 
เพื่อฝึกฝนการเรียนรู้จักทักษะสังคมในกลุ่มต่าง ๆโดยตัวอย่างที่ยกมาจากตารางข้างต้นเป็นกลุ่มทักษะสังคมในเรื่องของการทำงานเป็นทีม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในภาคปฏิบัติได้จริง อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมในการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างว่าสิ่งใดที่ควรพูดควรปฏิบัติ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันรวมทั้งเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จในหน้าที่การงานต่อไปในอนาคตอีกด้วย
 
ทักษะสังคมเป็นทักษะสำคัญที่เราควรฝึกฝนอย่างจริงจังเพื่อเป็นใบเบิกทางสำคัญสู่ความสุขความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมทั้งเพื่อการปฏิบัติต่อกันในสังคมอย่างถูกต้องเหมาะสมอันเป็นเหตุที่นำมาซึ่งความสงบสุขของสังคมในภาพรวม
admin
Catagories: 
เผยแพร่: 
งานอัพเกรด
เมื่อ: 
2008-05-20