ชวนพนักงานสร้างสรรค์สังคม

ไม่ว่าเราเป็นใครก็ตาม เราควรเข้าไปมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ดีขึ้นโดยมีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุน ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก อาทิ น้ำเน่าเสีย คุณธรรมในสังคมเสื่อมโทรม คนด้อยโอกาส คอร์รัปชันในระบบราชการ หรือเรื่องใด ๆ ก็ตามที่เป็นเรื่องที่เราสนใจ เป็นห่วงเป็นใย เป็นเรื่องที่คิดว่าเราทนไม่ได้
ในฐานะผู้นำองค์กร ส่วนหนึ่งของชีวิตผม นอกเหนือจากงานต่าง ๆ ที่ทำ คือ การมีส่วนช่วยเหลือสังคม ผมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก ทั้งที่ได้ดำเนินการแล้วและกำลังดำเนินการอยู่ โดยรวมกลุ่มผู้ที่มีหัวใจเดียวกัน และจูงใจผู้ร่วมงานในองค์กร มิตรสหาย และคนกลุ่มต่าง ๆ ให้เห็นคุณค่า เห็นความสำคัญ และยินดีเสียสละช่วยทำให้เป้าหมายที่เราวางไว้นั้นสำเร็จ
ผมปรารถนาที่จะเห็นผู้นำองค์กรภาคธุรกิจทุกองค์กรมีส่วนหนึ่งที่ทำประโยชน์ต่อสังคม และมีช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคตในมุมที่มืดมนให้กลับสว่างไสวขึ้น ดังนั้น หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่กำลังมีความคิดริเริ่มและตั้งใจกำหนดอนาคตที่ดี ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ผมขอแบ่งปันแนวทาง 4C เพื่อสร้างทีมให้ช่วยกันสานความตั้งใจให้สำเร็จ
C1 -Convince จูงใจ การมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมต้อง ldquo;ทำงานด้วยใจrdquo; เริ่มต้นจากเราต้องเป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ และผู้ร่วมงานของเราทุกคนต้องเป็นผู้มีจิตสาธารณะ มีจิตอาสา มากกว่าทำเผื่อต้องการผลประโยชน์ตอบแทน การผนวกทีมงาน จึงต้องเริ่มต้นด้วย ldquo;การจูงใจrdquo; การจูงใจเป็นการเปลี่ยนความคิดให้เห็นคุณค่า เพื่อให้ทุกคนยินดีเข้าร่วมด้วยใจ มิใช่การบังคับฝืนใจ ต้องพูดจูงใจให้เห็นความสำคัญในสิ่งที่เรากำลังจะทำ ให้เห็นว่าเป็นงานที่สำคัญ เห็นคุณค่า เห็นคุณประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น จนยอมจ่ายราคา เวลา เงินทอง ความคิด แรงใจแรงกาย
C2 -Commit ร่วมผูกพัน เมื่อมีคนส่วนหนึ่งเชื่อมั่นในคุณค่าของสิ่งที่เรากำลังจะทำ ปรารถนาเข้าร่วมอย่างจริงใจยินดีเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม เราต้องทำให้เกิดความรู้สึกว่า สิ่งที่เรากำลังทำ ไม่ใช่งานของเราเพียงคนเดียว แต่เป็นของ ldquo;พวกเราทุกคนrdquo; ต้องไม่ให้เกิดความรู้สึกว่า ldquo;เธอมาทำงานให้ฉัน เพราะฉันเป็นเจ้านาย เธอเป็นลูกน้อง ต้องยอมทำตามrdquo; แต่ต้องทำให้เกิดความรู้สึกว่างานนี้จะสำเร็จได้ ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกคนต้องเป็นทีมเดียวกันที่ยินดีผูกพันกับภารกิจและทำจนสำเร็จ
C3 -Channel ช่องทาง หลังจากนั้น จะเริ่มสู่ขั้นตอนการหาช่องทางทำสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ โดยอาจมีการตั้งเป็นกลุ่ม ชมรม หรือสโมสร กำหนดโครงสร้างองค์กร ว่าใครควรทำอะไร ใครควรอยู่ตำแหน่งใด กำหนดเป้าหมายชัดเจน มีการวางแผน รูปแบบการดำเนินงาน และภารกิจต่าง ๆ อย่างเป็นระบบมีการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน และมีการประสานเครือข่ายความร่วมมือกับภายนอก เพื่อให้กิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ทุกคนที่ร่วมทีมกับเรารู้วิสัยทัศน์และร่วมแรงร่วมใจอย่างมีเป้าหมาย
C4 -Control ควบคุม ประการสำคัญที่สุดที่บ่งบอกว่า สิ่งที่เราทำจะสำเร็จหรือไม่ นั่นคือ การควบคุม โดยตระหนักว่า งานช่วยเหลือสังคมนั้นเป็นงานอาสาสมัคร ไม่ได้เป็นงานประจำ ดังนั้น คนจึงมักให้ความสำคัญน้อยกว่า การทำให้ภารกิจดำเนินต่อไปจนบรรลุเป้าหมายจึงอยู่ที่ ldquo;ควบคุมใจด้วยอุดมการณ์rdquo; โดยควรมีคำขวัญและร่างปฏิญญาของกลุ่มเป็นกรอบกติกาที่ทุกคนยินดีปฏิบัติร่วมกัน และ เพื่อให้ทุกคนมีอุดมการณ์ร่วมและมุ่งเป้าหมายเดียวกัน และควร ldquo;ควบคุมด้วยรางวัลrdquo; เป็นผลตอบแทนในสิ่งที่ทำ เพื่อสร้างแรงจูงใจและเป็นแบบอย่างแก่คนอื่น ๆ ให้ร่วมทำความดีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยการให้รางวัลที่สะท้อนการเชิดชูเกียรติ เช่น การมอบโล่ การประกาศเกียรติคุณ เป็นต้น
หากใครได้ดูสารคดีเรื่องAn Inconvenient Truth คงจำได้ตอนหนึ่ง อัลกอร์ ได้ฉายภาพเปรียบเทียบของกบตัวหนึ่ง ภาพแรก กบตัวนั้นได้กระโดดลงไปในน้ำร้อนที่กำลังเดือด มันตะเกียกตะกายกระโดดหนีทันทีและรอดชีวิต ตรงข้ามกับอีกภาพหนึ่ง กบตัวนั้นอยู่ในน้ำอุ่นสบาย ๆ โดยหารู้ไม่ว่าน้ำนั้นตั้งอยู่บนไฟ ในไม่ช้ามันจะตายอย่างไม่รู้ตัว
บทเรียนจากเรื่องของกบนี้ เราคงรู้กันดี แต่อัลกอร์ได้หักมุมตอนจบของเรื่องได้ดีมาก ขณะที่น้ำเริ่มเดือด และกบกำลังจะตาย กลับมีมือมาคว้าตัวมันออกไปได้ทัน เขาต้องการสื่อให้เห็นว่า มนุษย์โลกจะไม่ต้องตายเพราะภาวะโลกร้อน ถ้าเราช่วยป้องกัน
มือที่ช่วยกบ...ควรเป็นมือของพวกเราทุกคน นี่คือสิ่งที่ผมอยากสื่อสาร เพื่อให้ทุกคนเห็นว่า เราจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปมีส่วนเยียวยาสังคม หากต้องการให้อนาคตอยู่ในสภาพที่พึงประสงค์ ไม่เพียงเรื่องภาวะโลกร้อน แต่ในสังคมรอบ ๆ ตัวยังมีอีกหลายเรื่องที่เราอาจไม่ตระหนักไม่สนใจ คิดว่าไม่ใช่หน้าที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราจะได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในอนาคต ทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน เช่น ภัยก่อการร้าย ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมเสื่อมทราม สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม เหล่านี้เป็นต้น
เราหยุดอนาคตไม่ได้ แต่เราแก้ไขเปลี่ยนแปลงอนาคต ให้เป็นภาพอนาคตที่เราพึงประสงค์ได้ หากเราช่วยกันหาทางระงับยับยั้งผลกระทบเชิงลบที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น และเปลี่ยนเป็นผลเชิงบวก จากการร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุก ๆ คน ในทุก ๆ องค์กร
admin
Catagories: 
เผยแพร่: 
งานวันนี้
เมื่อ: 
2008-04-20