สร้างรากฐานจิตใจที่เข้มแข็ง คุณสมบัติผู้บริหารมหาวิทยาลัย

ชาร์ล อีเลียต (Charles W.Eliot) ได้ชื่อว่า เป็นอธิการบดีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตลอดระยะเวลา 40 ปีของการเป็นอธิการบดี (ค.ศ. 1869-1909) อีเลียตได้สร้างคุณูปการหลายประการให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และยังมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับชาติอีกด้วย

อีเลียตก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอธิการบดีในวัย 35 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความรับผิดชอบในการเป็นผู้บริหารสูงสุด หากแต่อายุไม่ใช่อุปสรรคในการพัฒนามหาวิทยาลัย ในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งอธิการบดีนั้น อีเลียตได้ทุ่มเทเสียสละกำลังกาย กำลังสติปัญญานำความรุ่งโรจน์มาสู่ฮาร์วาร์ดอย่างมาก จนสามารถพัฒนาตนเองจากวิทยาลัยเล็ก ๆ สู่มหาวิทยาลัยและมีชื่อเสียงอย่างมากในเวลาไม่กี่สิบปี

จุดเด่นที่สำคัญของอีเลียตคือ ความกล้าหาญ ไม่ย่อท้อในการเปลี่ยนแปลงระบบ
เมื่อเริ่มต้นเข้ามารับตำแหน่ง เขาได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาวิทยาลัยเล็ก ๆ แห่งนี้ให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยให้ได้ การดำเนินงานหลายอย่างทำให้เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวหลายครั้ง และเกิดกระแสต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจากบุคลากรในมหาวิทยาลัย จนถึงขนาดเคยถูกเข้าชื่อเพื่อปลดออกจากตำแหน่ง โดยกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง

อีเลียตยังคงเดินหน้าในการยกระดับให้วิทยาลัยเล็ก ๆ แห่งนี้กลายเป็นมหาวิทยาลัย เช่น ปรับปรุงระบบการเรียนการสอน จากการเรียนเพื่อสร้างคนมารับใช้ศาสนา เป็นการเรียนที่สร้างคนออกไปรับใช้ประเทศ ปรับไปสู่เสรีภาพในการเลือกและการเรียนที่เน้นการฝึกอาชีพ การรับนักศึกษา ที่เปิดกว้างให้กับชนชั้นกลาง ผู้หญิง คนผิวสี คนต่างเชื้อชาติมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มค่าจ้างอาจารย์และสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดคนเก่งจากทั่วประเทศให้มาเป็นอาจารย์ประจำ

สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ฮาร์วาร์ดมีชื่อเสียงมากขึ้น ตลอด 40 ปีของการเป็นอธิการบดีอีเลียตได้สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สามารถขยายจำนวนนักศึกษาจากเดิมเพียง 600 คน เป็น 3,000 คน มีหลักสูตรให้เลือกเรียนอย่างเสรี เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงการสอนที่เน้นการวิจัยและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และกลายเป็นต้นแบบให้แก่มหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา และทั่วโลกในเวลาต่อมา
สะท้อนคิดสู่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยไทย ที่หลายคนอาจกำลังก้าวขึ้นสู่บทบาท ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างฐานความเข้มแข็งในจิตใจให้พร้อมรับมือกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญ ทั้งจากเหตุการณ์ ทีมงาน เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

การเป็นผู้บริหารระดับสูงมิใช่ตำแหน่งที่ได้มาโดยง่าย หากแต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือ การดำรงอยู่ในสถานะดังกล่าว เพราะเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ มีบทบาทความรับผิดชอบในสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้น ยากขึ้น ซึ่งต้องการคุณสมบัติพิเศษสำหรับการก้าวขึ้นมายืนอยู่ เช่น

การยินดีเสียสละด้วยหัวใจปรารถนาให้งานสำเร็จอย่างดี
ซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับใจแห่งความจงรักภักดี ร่วมมือจากทีมงาน การบากบั่นไม่ย่อท้อกับคำวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อให้เราปรับปรุงตนเอง ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นมีคุณภาพมากขึ้น การใช้ประโยชน์จากความผิดพลาด เพื่อให้ถ่ายทอดเป็นบทเรียน ให้คนรุ่นหลังเรียนรู้และก้าวขึ้นไปจากความผิดพลาดของเรา การรู้จักเผชิญความโดดเดี่ยว ท่ามกลางแรงกดดันความตึงเครียด ไม่เหลือใครที่จะให้คำตอบช่วยเหลือได้เป็นต้น

การวางรากฐานความเข้มแข็งในจิตใจ ด้วยความคิดที่โน้มในทางการถ่อมตัวลง ในขณะที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น จะช่วยให้สามารถปรับตัวรองรับหรือลดแรงกระทบของสถานการณ์ปัญหาที่โถมเข้ามา และยืนหยัดทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำพามหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

admin
เผยแพร่: 
สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
เมื่อ: 
2007-11-30